การทำงานในทุกวันนี้มีรูปแบบที่เปลี่ยนไปอยากมาก ความสามารถในการทำงานได้จากทุกที่ หรือที่เราเรียกว่า Hybrid work กำลังเป็นเรื่องธรรมดาที่หลายบริษัทเริ่มนำมาใช้กันในช่วงสองปีที่ผ่านมา ไม่เพียงเท่านั้นยังมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากโดยเฉพาะมิติของเครื่องที่ถูกนำมาใช้งานในบริษัท ปัจจุบันนี้หลายๆ ที่ก็อนุญาตให้พนักงานสามารถนำเครื่องส่วนตัวมาใช้กับเรื่องงานได้ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัทพ์มือถือ แท็บเล็ต หรือโน้ตบุ๊ก ตรงส่วนนี้ทำให้การบริหารจัดการเรื่องความปลอดภัยจึงกลายเป็นเรื่องสำคัญว่าจะมั่นใจได้อย่างไรว่าเครื่องที่พนักงานแต่ละคนใช้อยู่นั้นมีความปลอดภัยไม่ต่างจากการใช้งานผ่านเครื่องคอมพ์ของบริษัทที่บางแห่งมีการบังคับใช้ Policy อย่างเข้มข้น ขณะเดียวกันก็ไม่ไปกระทบกับความเป็นส่วนตัวของพนักงาน และถ้าเกิดว่าเครื่องของพนักงานไปเผลอกด link แปลกๆ จากแฮกเกอร์ เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าข้อมูลหรืองานของบริษัทนั้นจะไม่รั่วไหลไปสู่ภายนอก วันนี้เราจะมาแนะนำให้ทุกคนได้ทราบถึงเทคนิคที่จะเซฟธุรกิจให้ปลอดภัย ด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยและเชื่อถือได้
ภัยจากโจรกรรมข้อมูลบนออนไลน์ ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป เมื่อความปลอดภัยของข้อมูลมีช่องโหว่ ในยุคที่ Antivirus และ Firewall อาจไม่เพียงพอที่จะต่อสู้กับแฮกเกอร์ที่จ้องโจมตีเรียกค่าไถ่ การดูแลความปลอดภัยของข้อมูลจึงเป็นเรื่องที่ธุรกิจให้ความสำคัญ
เจ้าของระบบปฏิบัติการอย่าง Microsoft เองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจกับปัญหาที่เกิดขึ้น และได้พัฒนาเทคโนโลยีช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับธุรกิจที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการใช้งานเซิร์ฟเวอร์จากระยะไกล หรือ Remote Working โดยได้พัฒนาระบบความปลอดภัยสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก ให้มีเครื่องมือในการป้องกันที่ดีพอ กับ 4 ตัวช่วยหลัก ที่อยู่ในบริการของ Microsoft 365 Business Premium
1.ระบบให้สิทธิ์การใช้งาน (Access Control)
เทคโนโลยีที่ชาญฉลาดจะช่วยตรวจสอบความผิดปกติของผู้ที่ login เข้ามาในระบบ รวมถึงตรวจสอบตำแหน่งของอุปกรณ์จาก IP Address ที่ใช้เชื่อมต่อ ซึ่งมีความปลอดภัยและรัดกุมมากกว่าการใช้รหัสผ่าน สามารถป้องกันการแฮกได้มากถึง 99.99%
อีกทั้งสามารถกำหนดสิทธิ์ผู้ใช้งานให้เหมาะสมในการเข้าถึงไฟล์ หรือโฟลเดอร์สำคัญ เช่น กำหนดสิทธิ์ให้เปิดอ่านไฟล์ได้อย่างเดียวโดยไม่สามารถคัดลอก หรือแก้ไขไฟล์ที่เป็นความลับ รวมถึงมีระบบอีเมลที่น่าเชื่อถือ สามารถสกัดกั้นอีเมลแปลกปลอมไม่ให้เข้ามาในระบบ
Microsoft 365 Business ช่วยยกระดับด้านความปลอดภัยมากขึ้นสำหรับ Office App เครื่องมือที่ช่วยเพิ่มการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การประชุมงานแบบ Professtional ผ่าน Microsoft Team และระบบจัดเก็บข้อมูล Personal Storage ขนาด 1 TB ที่เชื่อมต่อผ่าน Mobile Device ช่วยลดการใช้งาน Flash Dive ที่อาจเป็นปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยง
2.จัดการอุปกรณ์เชื่อมต่อ (Device Manager)
เพราะข้อจำกัดของการทำงานที่บ้าน คือห่างไกลจากเจ้าหน้าที่เทคนิคด้านไอที ดังนั้นอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตจะต้องมั่นใจได้เรื่องความปลอดภัยเมื่อถูกเชื่อมต่อเข้ากับระบบขององค์กร Microsoft 365 Business ได้เพิ่มโซลูชั่นช่วยจัดการอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ที่ครอบคลุมทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และ Android ซึ่งจะช่วยป้องกันการส่งต่อไฟล์แนบผ่านเครื่องมือส่วนตัว
3.ป้องกันไม่ให้ข้อมูลสำคัญหลุด (Azure information Protection)
หัวใจสำคัญของธุรกิจในยุคที่ข้อมูลลูกค้าต้องถูกจัดเก็บอย่างปลอดภัย การดูแลข้อมูลภายใต้ระบบธรรมมาภิบาล Data Goverment ที่จำเป็นต้องปกป้องไฟล์ที่ Sensitive Data Loss Prevention (DLP) คือส่วนสำคัญของระบบความปลอดภัยที่จะช่วยลดความเสี่ยงให้กับองค์กร กรณีที่ถูกโจรกรรมข้อมูลจากบุคคลภายนอก Microsoft 365 Business ช่วยปกป้องการโจรกรรมข้อมูลผ่านอีเมล Exchange และ Onedrive รวมถึงแจ้งเตือนได้ในกรณีที่เกิดความเสี่ยง
4.หลีกเลี่ยงภัยคุกคามจากภายนอก (Microsoft Defender for Office 365 Plan 1)
ปัญหาใหญ่ของการถูกแฮก มักพบใน E-mail แปลกปลอมที่แนบจากลิงก์ หรือไฟล์ที่มีมัลแวร์แผงมาด้วย ระบบของ Microsoft 365 Business จะช่วยตรวจสอบในด่านหน้า เพื่อไม่ให้ไฟล์อันตรายเหล่านั้นหลุดมาถึงมือของผู้ใช้งาน
อย่างไรก็ตาม แม้ตอนนี้ E-mail จะมีระบบกรองมัลแวร์หรือ Defender ของ ป้องกันอยู่แล้ว แต่ความพิเศษของ Microsoft 365 Business คือได้อัปเดตระบบด้านความปลอดภัยให้มีความทันสมัย โดยเพิ่ม Zero-day Detection เพื่อรับมือกับฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่ถูกพัฒนาโดยเหล่าแฮกเกอร์ ซึ่ง Microsoft ได้รวบรวมข้อมูล Signal Data จากผู้ใช้งาน Windows ทั่วโลก มาใช้เป็นองค์ความรู้ในการพัฒนาระบบป้องกันที่ทันสมัย และมีประสิทธิภาพมากที่สุด
Microsoft 365 Business ถูกออกแบบให้รองรับการใช้งานที่หลากหลาย และมีความยืดหยุ่นมาก แม้แต่ธุรกิจขนาดเล็กที่มีพนักงานไม่ถึง 300 คน ก็สามารถเข้าถึงระบบความปลอดภัยขั้นสูง ใกล้เคียงกับระบบป้องกันความปลอดภัยทางไซเบอร์สำหรับองค์กรขนาดใหญ่ได้
จุดเด่นของ Microsoft 365 Business Plans คือมี 3 แพคเกจให้เลือกใช้ตามความเหมาะสมของธุรกิจ
1.Microsoft 365 Business Basic สามารถใช้งาน Office Online ผ่านเบราเซอร์ รวมถึงบริการ E-mail 50 GB ต่อ User , Onedrive 1 TB , Form , Microsoft Team ที่สามารถใช้งานได้ถึง 300 Users ราคาพิเศษ 1,055THBต่อผู้ใช้ต่อปี ลดจากราคาปกติ 2,344THBต่อผู้ใช้ต่อปี (as of 29/4/22)
2.Microsoft 365 Business Standard สามารถดาวน์โหลด Offfice Application มาใช้งานได้บน Desktop รวมถึงได้สิทธิ์ใช้งานMicrosoft Booking ราคาพิเศษ 3,990THBต่อผู้ใช้ต่อปี ลดจากราคาปกติ 4,988THBต่อผู้ใช้ต่อปี (as of 29/4/22)
3.Microsoft 365 Business Premium เพิ่มเติมฟีเจอร์สำคัญด้านความปลอดภัย รองรับการใช้งาน Azure เวอร์ชั่น Desktop รับสิทธิ์การอัปเกรดจาก Windows 7 หรือ Windows 10 ไป 11 ฟรี รวมถึงใช้งาน Cloud ได้ภายใต้การปกป้องขั้นสูงสุด ในราคา 8,778THBต่อผู้ใช้ต่อปี ❤ไม่ต้องซื้อ antivirus เพิ่ม ❤สอดคล้องกับPDPA
ที่มาของบทความนี้ https://www.techhub.in.th/4-tip-to-protect-your-business-with-microsoft-365-business-premium