Netway Combo - May 2025 อัพเดตข่าวสารโปรโมชั่นจากเน็ตเวย์ฯ บทความน่ารู้เกี่ยวกับ Microsoft 365 และเทคโนโลยี Microsoft 365 Copilot พลังของ AI ผสานเข้ากับบริการ Microsoft 365 เช่น Word, Excel, PowerPoint, Outlook, Teams และแอปอื่นๆ อ่านต่อ SSL/TLS certificate ปรับระยะเวลาลดอายุใบรับรอง โดยมีจุดประสงค์เพื่อยกระดับความปลอดภัยของระบบอินเทอร์เน็ต อ่านต่อ การใช้ Microsoft 365 Apps ให้เกิดประโยชน์สูงสุด อ่านต่อ ความรู้เกี่ยวกับพื้นที่เก็บข้อมูลในอุปกรณ์ (Device Storage) อ่านต่อ ผู้ให้บริการพื้นที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ (Cloud Storage Providers) อ่านต่อ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม หรือคำติชมใดๆ สามารถติดต่อ Netway Communication ได้ 24 ชม. Tel: 02 055 1095 Email: support@netway.co.th Web chat: [[URL]]/ Facebook Messenger: @netway.official หรือ https://www.facebook.com/netway.official Add Line ID: @netway, https://bit.ly/line-netway #GoogleWorkspace #Microsoft365 #MicrosoftTeams #Microsoft365Copilot #SSL #Cloud #Hosting #Domain
การใช้ Microsoft 365 Apps ให้เกิดประโยชน์สูงสุด Microsoft 365 เป็นชุดเครื่องมือที่สร้างขึ้นเพื่อให้การทำงานร่วมกันและการรักษาความปลอดภัยให้ง่ายขึ้นบนอุปกรณ์และระบบต่างๆ มีโปรแกรมที่เป็นที่รู้จักอย่าง Word, Excel, PowerPoint และ Outlook รวมถึงโปรแกรมใหม่ๆ เช่น Teams และ OneDrive ด้วยฟีเจอร์ที่มีประโยชน์และบริการบนคลาวด์ Microsoft 365 จึงคอยพัฒนาแอปเพื่อความสมบูรณ์แบบให้กับธุรกิจในการจัดระเบียบการดำเนินงานและส่งเสริมการสื่อสาร การใช้งานที่ถูกต้องจะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดจากแอป Microsoft 365 Microsoft 365 มีคุณสมบัติอะไรบ้าง Microsoft 365 ไม่ใช่แค่โปรแกรม Office แต่เป็นระบบที่ช่วยให้ผู้คนทำงานร่วมกัน ควบคุมข้อมูลของตนเองและมีความปลอดภัยสูง เครื่องมือที่นิยมใช้ ได้แก่: Teams OneDrive Excel Word Power Apps Planner Forms Microsoft Teams เป็นศูนย์กลางการสื่อสารและการทำงานเป็นทีมที่ให้ผู้ใช้แชร์ไฟล์ จัดการประชุม และเชื่อมต่อกับแอป Microsoft อื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย OneDrive ยังมีพื้นที่จัดเก็บบนคลาวด์ที่ปลอดภัย เพื่อให้ผู้ใช้เข้าถึงไฟล์และแบ่งปันได้จากทุกที่ เพื่อรักษาข้อมูลส่วนตัวให้ปลอดภัย Microsoft 365 ยังมีฟีเจอร์ความปลอดภัยขั้นสูง เช่น การเข้าสู่ระบบแบบ Multi-factor Login และการเข้ารหัสข้อมูล ความโดดเด่นเกี่ยวกับ Microsoft 365 คือช่วยให้ผู้คนทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์ผู้คนหลายคนสามารถทำงานบนเอกสารพร้อมกันได้ด้วยเครื่องมืออย่าง Excel และ Word ซึ่งทำให้งานมีประสิทธิผลมากขึ้นและลดความยุ่งยากในการควบคุมเวอร์ชัน นอกจากนี้ Microsoft 365 ยังทำงานร่วมกับโปรแกรมอื่นๆ เช่น Power Apps และ Power Automate ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างแอปของตนเองและทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น Microsoft Planner เป็นเครื่องมือแสดงภาพสำหรับติดตามโครงการและงานที่ทำงานร่วมกับ Microsoft 365 ช่วยให้ทีมต่างๆ มีส่วนกลางในการวางแผน กำหนดงาน และติดตามงาน เครื่องมือนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการติดตามโครงการที่ซับซ้อนและทำให้แน่ใจว่าทุกคนในทีมมีความเข้าใจที่ตรงกัน Microsoft 365 ยังมี Microsoft Forms ซึ่งช่วยให้สามารถสร้างแบบสำรวจ แบบทดสอบ และแบบสอบถามได้อย่างง่ายดาย เครื่องมือนี้ช่วยให้ได้รับคำติชมในแบบทดสอบ และทำให้กระบวนการรวบรวมข้อมูลง่ายขึ้น สามารถเพิ่มประสิทธิภาพ Microsoft 365 ได้อย่างไร หากต้องการได้รับประโยชน์จาก Microsoft 365 อย่างแท้จริง จำเป็นต้องเข้าใจวิธีปรับแต่งฟีเจอร์ต่างๆ ให้เหมาะกับความต้องการขององค์กรดังต่อไปนี้ - การใช้เครื่องมือการทำงานร่วมกัน Microsoft Teams เป็นรากฐานสำคัญของการทำงานร่วมกัน ใน Microsoft 365 โดยการตั้งค่าช่องทาง (Channels) สำหรับโครงการหรือแผนกต่างๆ ทีมงานสามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพและแบ่งปันเอกสารที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ การผสานรวม SharePoint ยังช่วยให้สามารถจัดการเอกสารจากจุดศูนย์กลางได้ ทำให้ทีมงานสามารถเข้าถึงและทำงานร่วมกันในไฟล์เดียวกันได้ง่ายขึ้น - การปรับแต่งทรัพยากรต่างๆ การปรับแต่งตั้งค่า Microsoft 365 สามารถปรับปรุงการนำไปใช้งานของผู้ใช้ได้อย่างมาก การตั้งค่า SharePoint และช่องทาง Teams ให้สะท้อนถึงแบรนด์และเวิร์กโฟลว์ขององค์กรจะช่วยให้การใช้งานง่ายและเป็นส่วนตัวมากขึ้น ส่วนสำหรับพนักงานในองค์กรจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าผู้ใช้สามารถค้นหาและใช้เครื่องมือที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย - การใช้ระบบอัตโนมัติ Power Platform ซึ่งประกอบด้วย Power Apps, Power Automate และ Power BI นำเสนอเครื่องมือที่สร้างคุณค่าสำหรับการทำงานให้แบบอัตโนมัติและรับข้อมูลเชิงลึกจากข้อมูลที่มีอยู่ การใช้ประโยชน์จากเครื่องมือเหล่านี้ ในธุรกิจต่างๆ สามารถปรับกระบวนการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ ช่วยลดการใช้แรงงานคน และตัดสินใจตามข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น - การรับประกันความปลอดภัยของข้อมูล ความปลอดภัยของข้อมูลถือเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในโลกดิจิทัลในปัจจุบัน Microsoft 365 นำเสนอฟีเจอร์ความปลอดภัย เช่น Azure Information Protection และ Advanced Threat Protection เพื่อปกป้องข้อมูลที่สำคัญ การนำฟีเจอร์เหล่านี้มาใช้และการรับรองว่าเป็นไปตามมาตรฐานการกำกับดูแลสามารถปกป้องธุรกิจจากการละเมิดข้อมูลและปัญหาทางกฎหมายได้ - การอัปเดตการฝึกอบรมอย่างต่อเนื่อง Microsoft อัปเดตผลิตภัณฑ์และพัฒนาปรับปรุงอยู่เสมอ โดยสามารถศีกษาข้อมูลผ่าน Microsoft Learn และแหล่งข้อมูลการฝึกอบรมอื่นๆ ช่วยให้องค์กรของคุณยังคงมีความสามารถในการแข่งขันและมั่นใจได้ว่าพนักงานใช้เครื่องมือที่อัพเดทล่าสุดได้อย่างมีประสิทธิภาพ - การเป็นพันธมิตรกับผู้เชี่ยวชาญผลิตภัณฑ์ การทำงานร่วมกับที่ปรึกษาที่มีความรู้และประสบการณ์หรือผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการรับรองจาก Microsoft จะช่วยให้ได้รับข้อมูลเชิงลึกและคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีใช้งานที่ดีที่สุดในการใช้ Microsoft 365 - การจัดการอีเมลและเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ การใช้ฟีเจอร์ต่างๆ เช่น กล่องจดหมายที่เน้นเนื้อหา และขั้นตอนวิธีลัดใน Outlook จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการอีเมลได้อย่างมาก นอกจากนี้การใช้ปฏิทินที่แชร์ได้และเครื่องมือจัดการงานและการทำงานร่วมกันระหว่างทีมได้อย่างดี - การใช้ Microsoft 365 บนอุปกรณ์ต่างๆ แอป Microsoft 365 พร้อมใช้งานบนอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึง พีซี, Mac, แท็บเล็ต, และโทรศัพท์มือถือ ซึ่งช่วยส่งเสริมพนักงานให้สามารถเข้าถึงเครื่องมือเหล่านี้ได้จากทุกที่ จะช่วยปรับปรุงความยืดหยุ่นและการตอบสนองต่อความต้องการทางธุรกิจได้ สรุป การเพิ่มประสิทธิภาพใน Microsoft 365 ของคุณให้ได้ประโยชน์สูงสุดนั้นต้องใช้แนวทางเชิงกลยุทธ์ที่ครอบคลุมถึงการทำงานร่วมกันของแต่ละองค์กร ในการตั้งค่าการทำงานให้เป็นไปแบบอัตโนมัติโดยคำนึงถึงความปลอดภัย และการเรียนรู้การใช้เครื่องมือเมื่อแอปมีการอัพเกรดเวอร์ชันใหม่อย่างต่อเนื่องนั่นเอง Netway Communication ให้บริการด้าน Cloud, Hosting และ IT พื้นฐานสำหรับธุรกิจ เป็นตัวแทนแบรนด์ไอทีชั้นนำมากมาย ทั้ง Microsoft, Google, Digicert, ฯลฯ เรามีเจ้าหน้าที่พร้อมดูแลคุณ 24 ชม. ติดต่อเราเพื่อสอบถามผลิตภัณฑ์ ขอราคา หรือปรึกษาเรื่องไอที ได้เลยค่ะ Line : @netway (มี @ ด้านหน้า) หรือ https://bit.ly/line-netwayFacebook : m.me/netway.offcialTel : 02-055-1095Email : support@netway.co.thWeb Chat : [[URL]]/ อ้างอิง: The Technology Press
ผู้ให้บริการพื้นที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ (Cloud Storage Providers) ในโลกดิจิทัลนี้ คนส่วนใหญ่ใช้อุปกรณ์สื่อสารอย่างคุ้มค่าไม่ว่าจะเป็นเรื่องการติดต่อสื่อสาร ถ่ายรูป วิดีโอ จึงทำให้พื้นที่จัดเก็บข้อมูลทั้งหมดบนอุปกรณ์ของคุณอาจไม่เพียงพอ เนื่องจากการเพิ่มรูปภาพ วิดีโอ เอกสาร และไฟล์ต่างๆ บันทึกเข้าไปเรื่อยๆ ซึ่งแก้ปัญหาเบื้องต้นได้โดยการจัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ (Cloud) เป็นตัวเลือกที่สะดวกเพราะช่วยให้ผู้คนจัดเก็บข้อมูลออนไลน์ได้ อีกทั้งจะช่วยเพิ่มพื้นที่ว่างบนอุปกรณ์และยังสามารถดูไฟล์จากทุกที่ได้อีกด้วย ผู้ให้บริการที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ (Cloud) คืออะไร บริษัทที่บริการจัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ (Cloud) ผ่านอินเตอร์เน็ต ช่วยให้ผู้คนสามารถจัดเก็บและควบคุมข้อมูลของตนทางออนไลน์ได้ ผู้ให้บริการเหล่านี้เรียกว่าผู้ให้บริการจัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ (Cloud) การใช้บริการเหล่านี้มีข้อดี เช่น ได้พื้นที่จัดเก็บที่มากขึ้น ความสามารถในการแชร์ไฟล์ และระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีขึ้น เช่น Google Drive, OneDrive, Linux Cloud VPS, Windows Cloud VPS โดยผู้ใช้ที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ (Cloud) สามารถเข้าถึงไฟล์ได้จากอุปกรณ์ใดก็ได้ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ทำให้ทำงานร่วมกันได้ง่ายขึ้นกรณีทำงานจากที่บ้าน (Work from Home) การเก็บข้อมูลบนคลาวด์ (Cloud) มีความสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มพื้นที่ว่างบนอุปกรณ์และเก็บข้อมูลให้เข้าถึงได้ง่ายและปลอดภัย ผู้ให้บริการที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ (Cloud) ช่วยเรื่องประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างไร ผู้ให้บริการที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ (Cloud) มีบทบาทสำคัญในการปรับปรุงเวิร์กโฟลว์ดิจิทัลโดยนำเสนอแพลตฟอร์มศูนย์รวมสำหรับจัดเก็บ การเข้าถึง และแชร์ไฟล์ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มพื้นที่ว่างในอุปกรณ์เท่านั้น แต่ยังช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงานร่วมกันและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานอีกด้วย ประโยชน์ของการจัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ (Cloud) ที่ช่วยปรับปรุงเวิร์กโฟลว์ดิจิทัล: - การจัดการไฟล์แบบรวมเป็นศูนย์กลาง - เครื่องมือการทำงานร่วมกันที่ได้รับการพัฒนาอยู่เสมอ - การรักษาความปลอดภัยขั้นสูง - ตัวเลือกการจัดเก็บข้อมูลที่ปรับขนาดพื้นที่ได้ (กรณีใช้แบบฟรีสามารถซื้อพื้นที่ Storage เพิ่มเติมได้) ระบบบริการที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ (Cloud) การเลือกผู้ให้บริการที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ (Cloud) ที่เหมาะสมนั้นขึ้นอยู่กับความต้องการเฉพาะองค์กร ไม่ว่าจะกำลังมองหาโซลูชันสำหรับใช้งานส่วนตัวหรือสำหรับธุรกิจ ผู้ให้บริการที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ (Cloud) ชั้นนำของโลก ได้แก่ Google Drive : Google Drive เป็นที่รู้จักในด้านการบูรณาการกับ Google Docs และ Sheets โดยให้พื้นที่จัดเก็บข้อมูลฟรี 15 GB และเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ใช้แฟลตฟอร์มเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ Google อยู่แล้วและใช้งานร่วมกับผู้อื่นได้ (ใน Gmail) Microsoft OneDrive : OneDrive ผสานรวมกับ Microsoft Office ใช้งานร่วมกับกับผู้ใช้ Word, Excel และ PowerPoint โดยมีพื้นที่เก็บข้อมูล ฟรี 5 GB และมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ใช้ Windows (ใน Microsoft Outlook เดิมคือ Hotmail) Dropbox : มีชื่อเสียงในเรื่องความสามารถในการแบ่งปันไฟล์ โดย Dropbox ให้พื้นที่เก็บข้อมูลฟรี 2 GB ซึ่งสามารถใช้งานที่ทำร่วมกันได้ iCloud : ออกแบบมาสำหรับผู้ใช้ Apple โดย iCloud ให้พื้นที่จัดเก็บข้อมูลฟรี 5 GB และทำงานร่วมกันได้ดีกับบริการอื่นๆ ของ Apple เช่น Photos และ Mail pCloud : ขึ้นชื่อในด้านตัวเลือกการสมัครใช้งานแบบตลอดชีพ pCloud ให้พื้นที่จัดเก็บข้อมูลฟรีสูงสุด 10 GB และเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่กำลังมองหาโซลูชันการจัดเก็บข้อมูลในระยะยาว Box: มุ่งเน้นไปที่ผู้ใช้ทางธุรกิจ Box นำเสนอคุณลักษณะความปลอดภัยและเครื่องมือการทำงานร่วมกัน ทำให้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับองค์กร การเปรียบเทียบผู้ให้บริการเหล่านี้โดยพิจารณาจากความต้องการส่วนบุคคลนั้นมีความสำคัญ เนื่องจากผู้ให้บริการแต่ละรายมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันมีบริการจัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ (Cloud) ที่สามารถตอบสนองความต้องการของคุณได้ ไม่ว่าคุณจะต้องการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลเครื่องมือสำหรับทำงานร่วมกัน หรือความปลอดภัย สำหรับผู้ที่สนใจต้องการสั่งซื้อพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ นอกจากนี้กรณีที่ใช้งานภายในบริษัทและต้องการพื้นที่เก็บรักษาข้อมูลมากๆ สามารถสั่งซื้อบริการ Cloud, Microsoft, Google จาก บริษัท เน็ตเวย์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด ได้ทันที Netway Communication ให้บริการด้าน Cloud, Hosting และ IT พื้นฐานสำหรับธุรกิจ เป็นตัวแทนแบรนด์ไอทีชั้นนำมากมาย ทั้ง Microsoft, Google, Digicert, ฯลฯ เรามีเจ้าหน้าที่พร้อมดูแลคุณ 24 ชม. ติดต่อเราเพื่อสอบถามผลิตภัณฑ์ ขอราคา หรือปรึกษาเรื่องไอที ได้เลยค่ะ Line : @netway (มี @ ด้านหน้า) หรือ https://bit.ly/line-netwayFacebook : m.me/netway.offcialTel : 02-055-1095Email : support@netway.co.thWeb Chat : [[URL]]/ อ้างอิง: The Technology Press
ความรู้เกี่ยวกับพื้นที่เก็บข้อมูลในอุปกรณ์ (Device Storage) พื้นที่จัดเก็บของอุปกรณ์จะกำหนดจำนวนแอปพลิเคชัน รูปภาพ และไฟล์ ที่สามารถเก็บไว้ในอุปกรณ์ของคุณได้ เมื่อพื้นที่จัดเก็บเหลือน้อยลง อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานและประสิทธิภาพของอุปกรณ์ แต่การหาพื้นที่จัดเก็บที่เหมาะสมนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไป การประเมินการใช้งานอาจผิดพลาด เช่น ประเมินพื้นที่ที่ต้องการต่ำเกินไปหรืออาจได้รับพื้นที่เก็บข้อมูลมากเกินไปและเราจำเป็นต้องใช้พื้นที่เก็บข้อมูลเท่าใดบ้าง โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ Device Storage คืออะไร พื้นที่จัดเก็บในอุปกรณ์ หมายถึง พื้นที่บนโทรศัพท์ แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ ที่จัดเก็บข้อมูลทั้งหมด เช่น แอป รูปภาพ วิดีโอ และเอกสารเมื่อพื้นที่จัดเก็บเต็ม คุณจะไม่สามารถบันทึกวิดีโอและเอกสารได้อีก ในกรณีนั้นจะต้องจ่ายเงินซื้ออุปกรณ์ต่อพ่วงเพิ่มสำหรับการขยายพื้นที่จัดเก็บหรือต้องซื้ออุปกรณ์ใหม่ในกรณีที่ไม่รองรับแล้ว การจัดเก็บข้อมูลมีอยู่ 2 ประเภทหลัก: Internal Storage หน่วยความจำภายใน : เป็นอุปกรณ์ในตัว ไม่สามารถถอดออกได้ ซึ่งโดยปกติแล้วจะเร็วกว่าหน่วยความจำภายนอก External Storage ที่เก็บข้อมูลภายนอก:ได้แก่ การ์ด SD และไดรฟ์ USB ซึ่งสามารถเพิ่มหรือลบออกได้ จะทำให้มีพื้นที่มากขึ้นแต่ก็อาจทำให้อุปกรณ์ของเรา ทำงานได้ช้าลง การจัดเก็บข้อมูลที่แตกต่างกัน ของแต่ละอุปกรณ์ (Device) เช่น สมาร์ทโฟน (Smartphones) : สมาร์ทโฟนส่วนใหญ่มีความจุเริ่มต้นที่ 64GB รุ่นไฮเอนด์ (High-end) อาจมีความจุสูงสุด 1TB ส่วน iPhone ไม่มีช่องเสียบการ์ด SD แต่โทรศัพท์ Android หลายรุ่นมีช่องเสียบการ์ด SD มาให้ด้วย แท็บเล็ต (Tablets) : แท็บเล็ตโดยทั่วไปจะมีขนาดตั้งแต่ 32GB ถึง 256GB บางรุ่นมีช่องใส่การ์ดหน่วยความจำในกรณีที่ต้องการพื้นที่เพิ่มเติม แล็ปท็อป (Laptops) : โดยทั่วไปแล้วแล็ปท็อปจะมีพื้นที่เก็บข้อมูล 128GB ถึง 1TB อีกทั้งยังสามารถอัปเกรดเวอร์ชั่นในภายหลังได้ เดสก์ท็อป (Desktops) : คอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปสามารถมีพื้นที่เก็บข้อมูลขนาดใหญ่ได้ ซึ่งจะมีความจุ 1TB ถึง 4TB และสามารถเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลเพิ่มเติมได้ง่าย ควรมีพื้นที่เก็บข้อมูลขนาดเท่าใด การจะทราบว่า เราต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลเท่าใดนั้นอาจเป็นเรื่องยากสำหรับคนที่ไม่ได้อยู่ในสายงานไอทีหรือไม่ได้มีความรู้เรื่องอุปกรณ์มากนัก อาจเลือกพื้นที่เก็บข้อมูลมากเกินไปหรือไม่เพียงพอต่อความต้องการ แต่ก็ขึ้นอยู่กับเรา ว่าจะใช้ในงานอะไรบ้าง โดยสามารถพิจารณาได้ดังนี้ การใช้งานพื้นฐานทั่วๆ ไป หากท่องเว็บและใช้แอปง่ายๆ เป็นหลัก ใช้พื้นที่ 64GB ก็เพียงพอสำหรับข้อมูล เช่น : อีเมล โซเชียลมีเดีย ถ่ายรูปหรือเก็บรูปเล็กน้อย การใช้งานโดยส่วนใหญ่ สำหรับยุคสมัยนี้ สำหรับคนที่ชอบถ่ายรูปและใช้แอปหลายตัว พื้นที่เก็บข้อมูล 128GB ถึง 256GB จะเหมาะที่สุด ซึ่งจะครอบคลุมการใช้งาน เช่น: ใช้แอปหลายชนิด เช่น ใช้ในการเรียน / ทำงาน/ สื่อสาร ใช้เก็บแกลเลอลี่ภาพถ่าย ใช้เก็บวิดีโอสั้นๆเพื่อใช้ประโยชน์ในการสร้างรายได้ เช่น ยูทูปเบอร์ ครีเอเตอร์ (Youtube. Reel, Tiktok) การใช้ในงานอดิเรกประเภทไอที หากทำงานกับไฟล์ขนาดใหญ่หรือจัดเก็บสื่อจำนวนมาก จะต้องใช้พื้นที่ 512GB ขึ้นไป ซึ่งเหมาะสำหรับการเก็บงาน เช่น: การตัดต่อวีดิโอ เกมส์ที่ใช้พื้นที่่เก็บข้อมูลขนาดใหญ่ คอลเลกชันภาพถ่ายที่มีจำนวนมาก ผู้ใช้งานระดับมืออาชีพ งานบางอย่างต้องการพื้นที่มากเป็นพิเศษ โดยทั่วไปพื้นที่ 1TB หรือมากกว่านั้นมักใช้สำหรับงาน เช่น: การผลิตวิดีโอ 4K โดยต้องมีการเก็บโปรแกรมที่ใช้ และข้อมูลไฟล์วิดิโอ ชุดข้อมูลขนาดใหญ่ (Data) , แอบพลิเคชั่น (Application), โปรแกรม (Program), เว็บไซต์ (Website) แอปโปรแกรมและไฟล์ภาพ สำหรับการแก้ไขภาพอย่างมืออาชีพ อะไรใช้พื้นที่เก็บข้อมูลมากที่สุด ข้อมูลที่ใช้พื้นที่จัดเก็บมากที่สุด เช่น : วิดีโอ : วิดีโอใช้พื้นที่มาก วิดีโอ 4K ความยาว 1 ชั่วโมงอาจใช้พื้นที่ถึง 7GB หรือมากกว่านั้น ภาพถ่าย : ภาพถ่ายใช้พื้นที่น้อยกว่าวิดีโอ แต่ภาพถ่ายจะสะสมได้ค่อนข้างเร็ว ภาพถ่ายคุณภาพสูงจำนวน 1,000 ภาพอาจใช้พื้นที่ 5GB เกมส์ : เกมส์สมัยใหม่มีขนาดใหญ่มาก บางเกมส์อาจมีขนาดเกิน 100GB ต่อเกมส์ แอป : แอปส่วนใหญ่มีขนาดเล็ก แต่ก็มีบางแอปที่มีขนาดใหญ่ เช่น เครื่องมือแก้ไข การจัดการพื้นที่เก็บข้อมูลอุปกรณ์ได้ดีขึ้นได้อย่างไร เราสามารถเพิ่มประสิทธิภาพพื้นที่จัดเก็บข้อมูล เช่น ใช้ที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ : บริการ เช่น Google Drive, OneDrive หรือ iCloud สามารถจัดเก็บไฟล์ของคุณทางออนไลน์และประหยัดพื้นที่อุปกรณ์ 65.2% ของผู้คนใช้ที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์เป็นที่เก็บข้อมูลหลัก ลบแอปที่ไม่ได้ใช้ : ลบแอปที่คุณไม่ได้ใช้ แอปเหล่านี้จะใช้พื้นที่มากและอาจทำให้เครื่องทำงานช้าลง ล้างแคชเป็นประจำ : แอปต่างๆ จำนวนมากจัดเก็บไฟล์ชั่วคราว การล้างแคชเหล่านี้สามารถเพิ่มพื้นที่ว่างได้ ใช้บริการสตรีมมิ่ง : สตรีมเพลงและวิดีโอแทนการดาวน์โหลด ซึ่งจะช่วยประหยัดพื้นที่ได้มาก จะทำอย่างไรหากพื้นที่เก็บข้อมูลไม่เพียงพอ หากพื้นที่ของคุณหมด สามารถเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลได้โดยใช้การ์ด SD หรือไดรฟ์ภายนอกซึ่งถือเป็นทางเลือกที่ดีแทนการซื้ออุปกรณ์ใหม่ หากเป็นไปได้ ให้เปลี่ยนอุปกรณ์เป็นอุปกรณ์ที่มีพื้นที่เก็บข้อมูลมากขึ้น การอัปเกรดจะทำให้มีพื้นที่ภายในมากขึ้น นอกจากนี้ สามารถเพิ่มหรือเก็บไฟล์ในระบบคลาวด์ได้ด้วยโซลูชันการจัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ที่นิยม ได้แก่ Google Drive, OneDrive และ Dropbox ซึ่งจะช่วยเพิ่มพื้นที่ว่างบนอุปกรณ์ของคุณได้ ดังนั้น เมื่อซื้ออุปกรณ์ใหม่ โปรดคำนึงถึงจำนวนภาพถ่ายและวิดีโอ จำนวนแอปหรือเกมส์ที่ดาวน์โหลดและจำนวนไฟล์ขนาดใหญ่ที่ใช้งานดังนั้นเราควรเลือกอุปกรณ์ที่มีพื้นที่เก็บข้อมูลเพียงพอต่อความต้องการ Netway Communication ให้บริการด้าน Cloud, Hosting และ IT พื้นฐานสำหรับธุรกิจ เป็นตัวแทนแบรนด์ไอทีชั้นนำมากมาย ทั้ง Microsoft, Google, Digicert, ฯลฯ เรามีเจ้าหน้าที่พร้อมดูแลคุณ 24 ชม. ติดต่อเราเพื่อสอบถามผลิตภัณฑ์ ขอราคา หรือปรึกษาเรื่องไอที ได้เลยค่ะ Line : @netway (มี @ ด้านหน้า) หรือ https://bit.ly/line-netwayFacebook : m.me/netway.offcialTel : 02-055-1095Email : support@netway.co.thWeb Chat : [[URL]]/ อ้างอิง: The Technology Press
เมื่อวันที่ 11 เมษายน ค.ศ.2025 ที่ผ่านมา CA/Browser Forum ได้ลงมติอย่างเป็นทางการให้ลดอายุการใช้งานสูงสุดของ TLS/SSL Certificates เหลือเพียง 47 วัน โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 15 มีนาคม ค.ศ.2029 ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความปลอดภัยของระบบดิจิทัลและกระตุ้นให้องค์กรต่างๆ หันมาใช้ระบบอัตโนมัติในการจัดการใบรับรอง🏛️ อ้างอิงมติจาก CA/Browser Forum Ballot SC-70:การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ได้รับการอนุมัติผ่านมติ SC-70: Reduce the Maximum Validity of TLS Subscriber Certificates to 90 Days ซึ่งกำหนดให้ผู้ให้บริการใบรับรอง (CA) ต้องลดอายุใบรับรองอย่างต่อเนื่อง และกำหนดแนวทางระยะยาวให้มีอายุเพียง 47 วัน (ดูรายละเอียดเพิ่มเติม: CA/Browser Forum Ballots)❓ ทำไมต้องลดอายุใบรับรอง TLS?การลดอายุใบรับรองมีจุดประสงค์เพื่อยกระดับความปลอดภัยของระบบอินเทอร์เน็ต โดยมีประโยชน์หลักดังนี้เพื่อเพิ่มความปลอดภัย เนื่องจากใบรับรองที่มีอายุการใช้งานยาวนานอาจเสี่ยงต่อการถูกโจมตีหรือใช้ข้อมูลที่ล้าสมัย การลดอายุการใช้งานจะช่วยให้ข้อมูลในใบรับรองมีความทันสมัยและลดโอกาสที่ผู้ไม่หวังดีจะใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ ช่วยลดความเสี่ยงจากระบบเพิกถอนใบรับรองที่ไม่เสถียร เช่น CRL (Certificate Revocation List) และ OCSP (Online Certificate Status Protocol)เพิ่มความยืดหยุ่นและความเร็วในการรับมือกับช่องโหว่หรือเหตุการณ์ไม่คาดคิด📌 ทำไมจึงต้องเป็น 47 วัน47 วันอาจดูเหมือนเป็นตัวเลขที่ไม่แน่นอน แต่จริงๆ แล้วเป็นจำนวนที่ต่อเนื่องกันแบบง่ายๆ โดยมีช่วงระยะเวลาให้ดำเนินการได้ เช่น การต่ออายุ หรือ Reissue 200 days = ระยะเวลาสูงสุดที่ 6 เดือน (184 days) + ประมาณครึ่งเดือน (15 days) + 1 วันที่ยืดหยุ่น 100 days = ระยะเวลาสูงสุดที่ 3 เดือน (92 days) + ประมาณ 1/4 เดือน หรือ 1 อาทิตย์ (7 days) + 1 วันที่ยืดหยุ่น 47 days = ระยะเวลาสูงสุดที่ 1 เดือน (31 days) + ประมาณครึ่งเดือน (15 days) + 1 วันที่ยืดหยุ่น⚠️ ผลกระทบที่องค์กรควรเตรียมตัวใบรับรองหมดอายุโดยไม่รู้ตัว ทำให้เว็บไซต์หรือบริการหยุดชะงัก ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่สูงขึ้นภาระงานในการดูแลใบรับรองจำนวนมากพร้อมกัน✅ สิ่งที่ควรดำเนินการประเมินและวางแผนเปลี่ยนไปใช้ระบบออกใบรับรองอัตโนมัติ เช่น ACME Protocol (DigiCert ACME, Sectigo ACME Automation) ตรวจสอบระบบที่ใช้ใบรับรอง TLS ทั้งหมดในองค์กร เตรียมทรัพยากร งบประมาณ และเครื่องมือสำหรับบริหารจัดการใบรับรอง ติดตามข่าวสารจาก Netway Communication และทีมงาน SSL.in.th, CA และเบราว์เซอร์หลักอย่างใกล้ชิด🧭 สรุปการลดอายุใบรับรอง TLS ลงเหลือ 47 วัน ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงทางเทคนิค แต่เป็น ก้าวสำคัญสู่มาตรฐานความปลอดภัยใหม่ของอินเทอร์เน็ต องค์กรที่เตรียมพร้อมและปรับตัวได้เร็วจะสามารถลดความเสี่ยง เพิ่มความน่าเชื่อถือ และดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นคงการนำระบบอัตโนมัติมาใช้ จึงเป็นทางออกที่มีประสิทธิภาพในการลดภาระงาน ลดความเสี่ยงจากข้อผิดพลาดของมนุษย์ และรับประกันว่าใบรับรองจะได้รับการต่ออายุและติดตั้งอย่างถูกต้องตามกำหนดเวลา🛡️ความมุ่งมั่นของ SSL.in.th แม้ว่านโยบายการลดอายุ TLS/SSL จะมีผลในปีหน้า SSL.in.th ก็มิได้นิ่งนอนใจ โดยเราให้ความสำคัญกับการเตรียมพร้อมล่วงหน้าอย่างจริงจัง เพื่อให้ลูกค้าของเราสามารถปรับตัวได้อย่างราบรื่น ปัจจุบัน เรากำลังอยู่ในขั้นตอนการทดสอบระบบอัตโนมัติอย่างเข้มงวด เพื่อรับประกันเสถียรภาพ ความแม่นยำ และความเข้ากันได้กับผลิตภัณฑ์หลากหลายที่เรานำเสนอ ควบคู่ไปกับการพิจารณาข้อจำกัดทางเทคนิคและโครงสร้างค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม เพื่อมอบบริการที่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพและคุ้มค่าสูงสุดแก่ทุกท่านอ้างอิง: DigiCert Blog__________________________________________________________________________________________________Netway Communication ให้บริการด้าน Cloud, Hosting และ IT พื้นฐานสำหรับธุรกิจ เป็นตัวแทนแบรนด์ไอทีชั้นนำมากมาย ทั้ง Microsoft, Google, Digicert, ฯลฯ เรามีเจ้าหน้าที่พร้อมดูแลคุณ 24 ชม. ติดต่อเราเพื่อสอบถามผลิตภัณฑ์ ขอราคา หรือปรึกษาเรื่องไอที ได้เลยค่ะLine : @netway (มี @ ด้านหน้า) หรือ https://bit.ly/line-netwayFacebook : m.me/netway.offcialTel : 02-055-1095Email : support@netway.co.thWeb Chat : [[URL]]/