เหตุใดจึงต้องเพิ่มค่า DKIM
ปกติเราจะมีการเพิ่มค่า SPF ใน DNS อยู่เเล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้ข้อความของเราตกหล่นเข้าไปอยู่ใน Spam/Junk ของผู้รับ แต่ก็อาจจะช่วยได้ไม่หมด และเป็นแค่การสร้างความปลอดภัยให้กับผู้รับผู้ส่งในเบื้องต้นเท่านั้น การเพิ่มค่า DKIM (DomainKeys Identified Mail) จะช่วยรับรองความปลอดภัยและป้องกันการปลอมแปลงอีเมล์ให้ดีมากยิ่งขึ้น
วิธีการ
1. Login เข้าสู่ระบบ Microsoft 365 admin center ที่ https://admin.microsoft.com/
2. ตรวจสอบค่า DKIM ที่ https://security.microsoft.com/dkimv2 โดยทำการเลือกโดเมนที่ต้องการใช้งาน DKIM เลือก Create DKIM keys
3. เมื่อกด Create DKIM keys แล้ว ระบบจะแจ้งค่า CNAME ในส่วนของ Host Name และ Value ให้ไปเพิ่มในระเบียน DNS ของ Domain ของท่าน
ให้นำค่าดังกล่าว อัพเดทใน CNAME record บนระเบียน Domain ของท่าน
4. เมื่อทำการอัพเดทค่า CNAME เรียบร้อยแล้ว ให้กลับมาสู่เมนูดังกล่าวอีกครั้ง และเลือก Enabled เพื่อเปิดใช้งานค่า DKIM
5. หากท่านเพิ่มแล้ว แต่ไม่สามารถเปิดใช้งานได้ อาจจะเป็นเพราะท่านเพิ่มค่าไม่ถูกต้อง หรือหากมั่นใจแล้วว่าเพิ่มได้ถูกต้อง อาจจะต้องรอค่า DNS record อัพเดท ซึ่งอาจจะใช้ระยะเวลาตั้งแต่ 1 ถึง 24 ชั่วโมง (สูงสุด 84 ชั่วโมง)
6. เมื่อทำการอัพเดทค่า CNAME Record เรียบร้อยแล้ว ให้ทำการ enable DKIM ที่ https://security.microsoft.com/dkimv2 อีกครั้ง หาก Enable ผ่านก็จะไม่พบ Error ตามข้อที่ 5
7. เมื่อทำการ Enabled ได้แล้ว ให้ทำการกด Rotate DKIM keys ด้านล่างอีกครั้ง เป็นอันเสร็จสิ้น
ภาพเมื่อดำเนินการเปิด DKIM เรียบร้อย
กรณีไม่พบเมนูให้ Enable ผ่าน DKIM page จำเป็นจะต้องเปิดการใช้งานผ่าน PowerShell โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. เข้าสู่ Exchange Online PowerShell โดยสามารถดูวิธีการได้จาก Link : Connect to Exchange Online PowerShell
2. เมื่อเข้าสู่ Exchange Online PowerShell ได้แล้ว ให้รันคำสั่ง ด้านล่างนี้
New-DkimSigningConfig -DomainName YourDomain -Enabled $false
Get-DkimSigningConfig -Identity | Format-List Selector1CNAME, Selector2CNAME
Set-DkimSigningConfig -Identity YourDomain -Enabled $true
จากนั้น เข้าสู่หน้า DKIM ตามขั้นตอนที่ 2 ด้านบน และทำตามขั้นตอนอีกครั้ง
