ตัวอย่าง Log Error: ModSecurity: Access denied with code 403 [Mon Nov 16 21:57:02.359234 2020] [:error] [pid 25781:tid 47792397510400] [client 18.217.247.42:59356] [client 18.217.247.42] ModSecurity: Access denied with code 403 (phase 1). Matched phrase "/.env" at REQUEST_URI. [file "/etc/apache2/conf.d/modsec_vendor_configs/comodo_apache/02_Global_Generic.conf"] [line "120"] [id "210492"] [rev "3"] [severity "CRITICAL"] [tag "CWAF"] [tag "Generic"] [hostname "xxxxxxx.xxx"] [uri "/.env"] [unique_id "X7KTPnhq3e1Ys8Wa5W1DLwAAAJU"] แนวทางแก้ไขปัญหา 1 White list Rule ID ModSecurity ชั่วคราว Login to WHM/cPanel > ModSecurity Control > เลือกชื่อโดเมนที่ต้องการ และคลิก Modify User white list นำ Rule id ที่ได้จากตัวอย่างนี้เป็น id 210492 มากรอกลงในช่อง ModSecurity rule ID list และ คลิก Save Whitelist ตามรูปตัวอย่างด้านล่างสำหรับการแก้ไขปัญหาที่1 เป็นการ Whitelist เฉพาะ Rule id นั้นของโดเมนที่เลือกไว้ ซึ่งปัญหาดังกล่าวอาจมีหลาย Rule ID ที่ติดอยู่ ให้ทำการตรวจสอบเพิ่มเติมของ Error log แนวทางแก้ไขปัญหา 2 ปิดการตรวจสอบของ ModSecurity ชั่วคราว Login to WHM/cPanel > ModSecurity Control > เลือกชื่อโดเมนที่ต้องการ และคลิก Modify User white list จะเห็นว่าในส่วนของ ModSecurity ถูกเปิดใช้งานไว้เป็น On ให้ทำการปรับเป็น Off และคลิก Select ตามรูปตัวอย่างด้านล่าง สำหรับการแก้ไขปัญหาที่ 2 เป็นการ Disable เฉพาะ โดเมนที่เลือกไว้ ซึ่งจะทำให้ตัว ModSecurity ไม่ทำการตรวจสอบ Rule list ทั้งหมดของโดเมนนั้น หมายเหตุ หลังจากมีการแก้ไขปัญหาจากการถูก Blocking โดย ModSecurity ไปแล้วนั้น ให้ทำการแจ้งข้อมูลและรายละเอียดไปยัง Web Developer เพื่อแก้ไขปัญหาช่องโหว่ต่อไป หากหลังจากมีการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว ทางผู้ดูแลต้องกลับมาเปิดการใช้งาน Rule list หรือ Enable ModSecurity ด้วย
ปัญหา 403 Forbidden Error ปกติแล้ว 403 Forbidden ในความเข้าใจก็คือ การที่ผู้ใช้งานถูกปิดกั้นการเข้าถึงไฟล์ เข้าถึงข้อมูล หรือเว็บไซต์ พอมีการเรียกใช้งานก็จะพบ HTTP Status Code ดังกล่าว โดยมักจะเกิดจากการที่ WAF(Web Application Firewall) ทำการ blocking ไว้ เนื่องด้วยเหตุผลทางด้านความปลอดภัย โดยตัวที่ทำในส่วนนี้ก็คือ Mod Security นั่นเอง วิธีตรวจสอบ Permission file and Folder ให้ทำการตรวจสอบความถูกต้องของ Permission ไฟล์ และ Folder ที่ถูกต้องและควรจะเป็นก่อนตามข้อมูลด้านล่างนี้ โดยคุณสามารถทำการตรวจสอบได้ผ่านระบบ control panel (File manager) หรือ FTP เป็นต้น Directories and folders : 755 Images, media, and text files like HTML : 644 วิธีตรวจสอบจาก Log (403 Forbidden errors) หากตรวจสอบและไม่พบ Permission ที่ผิดปกติ ให้ทำการตรวจสอบในส่วนของ Error Log 1. ตรวจสอบ Error log ผ่าน SSH โดยสามารถดูข้อมูลได้ที่ Path ด้านล่าง /usr/local/apache/logs/error_log /var/log/apache2/error_log 2.ตรวจสอบ Error log ผ่าน Plesk Panel Login เข้าสู่ Plesk เลือกในส่วนของ Website & Domain เลือกเข้าสู่ Menu "Logs" รายการบันทึก Logs ล่าสุดนั้นจะอยู่บรรทัดล่างสุด และสามารถเลือกดู Logs แบบ Real time ได้โดยการคลิกที่ปุ่ม Start real-time updates ตัวอย่าง log error ที่พบ [Mon Nov 16 21:57:02.359234 2020] [:error] [pid 25781:tid 47792397510400] [client 18.217.247.42:59356] [client 18.217.247.42] ModSecurity: Access denied with code 403 (phase 1). Matched phrase "/.env" at REQUEST_URI. [file "/etc/apache2/conf.d/modsec_vendor_configs/comodo_apache/02_Global_Generic.conf"] [line "120"] [id "210492"] [rev "3"] [severity "CRITICAL"] [tag "CWAF"] [tag "Generic"] [hostname "xxxxxxx.xxx"] [uri "/.env"] [unique_id "X7KTPnhq3e1Ys8Wa5W1DLwAAAJU"] จากข้อมูลในส่วนของ Error log จะพบว่าเป็น ModSecurity: Access denied with code 403 หากพบ Error ดังกล่าวสามารถแก้ไขได้ตามวิธีการด้านล่างนี้
ปัญหา: บน XenServer Version 5.x และ 6.x ซึ่ง End of life ไปแล้วเมื่อปี 2016 ไม่สามารถ Start VM ได้ไม่ว่าจะ Start ด้วย Xen Center หรือผ่าน Commnad Line ขึ้น Error License has expired. รวมถึงไม่สามาถ Activate License ได้ การแก้ไข: Citrix ได้ประกาศว่าจะมีการยกเลิกและปิดบริการทั้งหมดสำหรับ XenServer Version 5.x และ 6.x จนถึงมีนาคม 2019 ดังนั้นหลังจากเดือนมีนาคม 2019 เป็นต้นไปจะไม่สามารถขอรับบริการทั้งหมดได้ ไม่ว่าจะเป็น Free Activated License และการ Support ต่างๆ วิธีแก้ปัญหา 1 ดำเนินการ Upgrade Citrix XenServer เป็น Version ล่าสุด (ปัจจุบัน Free Trial License คือ Version 7.6) วิธีแก้ปัญหา 2 ขึ้นเครื่อง XenServer Version ล่าสุด แล้วดำเนินการ Export VM ออกจาก XenServer Version เก่า แล้ว Import VM บน XenServer Version ใหม่ วิธีแก้ปัญหา 3 ใช้ในกรณีไม่ต้องการใช้ XenServer แล้ว แต่ต้องการ Start VM เพื่อจุดประสงค์บางอย่าง สามารถใช้วิธีการ Backdate หรือแก้ไขเวลา Server กลับเป็นช่วงเวลาที่ยังสามารถใช้งานได้หรือ License ยัง Active อยู่ ดำเนินการดังนี้ 1. เช็คเวลาปัจจุบัน #date 2. Config เวลาเป็นช่วงที่ต้องการ เช่น #date -s "2 JAN 2019 18:00:00" 3. เช็ค Hardware Clock #hwclock --show 4. Synce system hardware clock #hwclock --systohc 5. ทดสอบ Start VM
Problem Sorry, configuration data has not been successfully stored.Please execute the following command [root@cpanel conf]# /scripts/buildhttpdconf Sorry, configuration data has not been successfully stored.Please execute the following commands: /usr/local/cpanel/bin/apache_conf_distiller --store-data --defaultstouch /var/cpanel/conf/apache/success Execute the apache_conf_distiller without any flags to see its full usage. Solving [root@cpanel conf]# /usr/local/cpanel/bin/apache_conf_distiller --store-data --defaultsDistilled successfully[root@cpanel conf]# touch /var/cpanel/conf/apache/success[root@cpanel conf]# [root@cpanel conf]# /scripts/buildhttpdconf Built /etc/apache2/conf/httpd.conf OK
เมื่อมีการติดตั้ง zabbix-agent ลงไปยังเครื่อง server นั้นๆ อาจจะเกิด error ในการ start service จะพบปัญหาตามด้านล่าง ปัญหา - systemctl start zabbix-agent zabbix-agent.service never wrote its PID file. Failing การแก้ไขปัญหา 1.kill process zabbix-agent และค่อย start (ถ้าใช้งานไม่ได้ให้ไปทำข้อ 2) 2.reboot เครื่อง server