เมื่อมีการ install csf ลงเครื่องแล้วนั้น และมีการใส่ค่า Config Allow port, Allow IP และอื่นๆ ซึ่งจำเป็นต้องทำการ reset csf คือ csf -r ซึ่งอาจจะเกิดปัญหา error ได้ตามนี้ *WARNING* Binary location for [UNZIP] [/usr/bin/unzip] in /etc/csf/csf.conf is either incorrect, is not installed or is not executable *WARNING* Binary location for [HOST] [/usr/bin/host] in /etc/csf/csf.conf is either incorrect, is not installed or is not executable *WARNING* Missing or incorrect binary locations will break csf and lfd functionality yum -y install bind-utilsunzip
การเขียน txt mode ไฟล์นั้นค่า Default ของการ Run ใช้งาน ubuntu นั้นเราไม่สามารถเขียนภาษาไทยลงไปได้ ซึ่งถ้ามองง่ายๆเป็น Template ที่ทาง Docker ทำขึ้นมานั้นจะเหมือนกัน ซึ่งเราสามารถแก้ไขให้เขียนภาษาไทยได้ตามนี้ # apt-get update# apt-get install perl# apt-get install -y locales # nano -w /etc/locale.gen (แก้ไขโดยนำเครื่อง # ออก ) #en_US.UTF-8 en_US.UTF-8 #th_TH.UTF-8 th_TH.UTF-8 # locale-gen# echo "export LC_ALL=en_US.UTF-8" >> ~/.bashrc# echo "export LANG=en_US.UTF-8" >> ~/.bashrc# echo "export LANGUAGE=en_US.UTF-8" >> ~/.bashrc# echo "export LC_ALL=th_TH.UTF-8" >> ~/.bashrc# echo "export LANG=th_TH.UTF-8" >> ~/.bashrc# echo "export LANGUAGE=th_TH.UTF-8" >> ~/.bashrc# source ~/.bashrc# locale root@7087c38b553a:/# cat txt.txt ข้อความแสดงภาษาไทย
เนื่องจาก WHM/cPanel ไม่มี Tools จัดการ php.ini ผ่าน cPanel Hosting โดยการสร้าง php.ini นั้นจำเป็นต้องดำเนินการผ่าน Command Line ทั้งนี้สามารถตรวจสอบ Version WHM/cPanel ได้ 2 วิธีดังนี้ วิธีตรวจสอบ Version WHM/cPanel1. Login ผ่าน WHM ของคุณที่มุมขวาบนจะมีรายละเอียดของเวอร์ชั่น 2. ตรวจสอบด้วยคำสั่งเพียง SSH Access เข้าเครื่อง Server ของคุณแล้วใช้คำสั่ง more /usr/local/cpanel/version สาเหตุของปัญหาไม่สามารถอัพโหลดไฟล์ไปที่ เซิร์ฟเวอร์ ได้ ตัวอย่าง Error ที่เกิดขึ้นMaximum PHP file upload size is too small: This is set in php.ini in both upload_max_filesize and post_max_size settings of your PHP settings (located in php.ini and/or .htaccess file). วิธีแก้ไขปัญหา (หากสามารถ SSH Access ในฐานะ Root)1. cd /usr/local/apache/conf/userdata/std/2/username/domainname(ถ้าไม่พบ Directory username/domainname ให้ทำการสร้างขึ้นมาก่อน) 2. สร้างไฟล์ suphp.conf pico -w suphp.conf # นำเอาข้อมูลไปวางไว้ที่ไฟล์ suphp.conf ตามข้อที่ 2suPHP_ConfigPath /etc/phpconf/user/php.ini user = ชื่อลูกค้า cpanel 3.เข้าไปที่ /etc/phpconfcd /etc/phpconf/user/ user = ชื่อลูกค้า cpanelหากไม่มี dir ใน /etc/phpconf/username ให้สร้างขึ้นมาก่อนก่อน mkdir -p username 4. ก็อป php.ini จากเครื่อโดยใช้คำสั่ง cp -a /usr/local/lib/php.ini ./ 5. รันสคริป/scripts/ensure_vhost_includes --user=username 6. รีสตาท apache/scripts/restartsrv_httpd
How To Create LVM Logical Volume Manager การใช้ LVM จะสามารถ สร้าง ขยาย ลด ขนาดของ Partition แบบ Online ได้โดยไม่ต้อง unmount หรือหยุดการทำงานของเครื่องเลย หรือจะนำ Hard diskมากกว่า 1 ตัว มารวมกันให้มีพื้นที่ในการเก็บข้อมูลได้มากขึ้น ก็สามารถทำได้ด้วยความสามารถของ LVM การสร้าง File System Type LVM 1.แบ่ง Partition โดยใช้โปรแกรม fdisk หรือ cfdisk แล้วเลือก File System type เป็น 8e 2.สร้าง Physical Volume ด้วยคำสั่งดังต่อไปนี้ #pvcreate /dev/[partition of Harddisk] เช่น #pvcreate /dev/sda1 3.ดูรายละเอียดต่างๆของ Physical Volume ด้วยคำสั่ง #pvdisplay 4.ขั้นตอนการสร้าง Volume Group ในที่นี้จะสมมติให้มีชื่อว่า expmt #vgcreate expmt /dev/sda1 หลังจากสร้าง Volume Group ที่มีชื่อว่า expmt แล้ว สามารถดูรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับ Volume Group ได้ด้วยคำสั่ง #vgdisplay 5.การสร้าง Logical Volume เพื่อใช้เป็นพื้นที่ในการเก็บข้อมูลต่างๆ สมมติว่าเราต้องการสร้าง Logical Volume ที่ชื่อ volumeData โดยให้มีขนาดเท่ากับ Hardisk 5GB โดยให้อยู่ใน Volume Group ที่ชื่อว่า expmt โดยมีรูปแบบการใช้คำสั่งต่อไปนี้ #lvcreate -L 5G -n volumeData expmt หลังจากสร้าง Logical Volume เสร็จเรียบร้อยแล้วสามารถดูรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับ Logical Volume ได้ด้วยคำสั่ง #lvdisplay 6. ทำการ format Logical Volume ที่เราได้สร้างขึ้นเพื่อเตรียมพื้นี่ในการใช้งาน ซึ่งเราจะ format Logical Volume ให้เป็น File System type ext3 ด้วยคำสั่งดังต่อไปนี้ #mkfs.ext3 /dev/expmt/volumeData 7.จากนั้นก็สามารถนำ Logical Volume มาใช้งานตามความเหมาะสม เช่น ติดตั้ง OS หรือ mount point ไว้เก็บข้อมูล ก็สามารถทำได้ ในกรณี้ที่ต้องการ mount Logical Volume ไปไว้ที่ /vserv/pdc ขึ้นมาใช้งานก็สามารถทำได้ด้วยคำสั่ง #mount /dev/expmt/volumeData /vserv/pdc 8.ในกรณีที่ Logical Volume ใช้พื้นที่เก็บข้อมูลใกล้จะเต็ม หรือ เต็มไปแล้ว เราก็ยังสามารถขยายพื้นที่เพิ่มเติมได้ ในที่นี้เราจะเพิ่มขนาดจากพื้นที่เดิมที่มีอยู่ 5GB ให้มีขนาด 10 GB (ซึ่งต้องมีพื้นที่ใน Harddisk ที่ยังไม่ถูกแบ่งมาสร้าง Logical Volume มากพอกับขนาดที่ต้องการขยายเพิ่มขึ้น) ด้วยคำสั่งต่อไปนี้ #lvextend -L +5G /dev/expmt/volumeData 9.ในบางกรณีต้องการลดขนาดของ Logical Volume จาก 10GB เหลือ 5GB ก็สามารถทำได้ ทั้งนี้ต้องระวังในการสูญหายของข้อมูลที่อยู่บน Logical Volume ด้วย เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญหายของข้อมูล ควรจะทำ Backup ข้อมูลที่จำเป็นไว้ก่อนเป็นอันดับแรก คำสั่งที่ใช้ลดขนาดของ Logical Volume #lvresize -L 5G /dev/expmt/volumeData 10. การใช้คำสั่งดูรายละเอียดของ Logical Volume ในเรื่องของขนาด สถานนะ Online หรือ Offline สามารถใช้คำสั่ง lvs ได้เช่นกัน #lvs ผลที่ได้จากการใช้คำสั่ง lvs LV VG Attr LSize Origin Snap% Move Log Copy% volumeData expmt -wi-ao 5.00G ในบางกรณี LVM ไม่ Active ในขณะที่ Boot ระบบ ทำให้ไม่สามารถ Mount File system LVM ขึ้นมาใช้งานได้ สามารถใช้คำสั่งให้ LVM Active ขึ้นมาใช้ได้ด้วยคำสั่งต่อไปนี้ # vgscan #vgchange -ay การเพิ่มคำสั่งที่ใช้ในการ Activate LVM ทุกครั้งที่ Boot ระบบ ให้เพิ่มรายละเอียดเข้าไปใน Scripts init ต่างๆ ตามแต่ละ Linux Distributer ตามตัวอย่างด้านล่างดังต่อไปนี้ Debian , Linux TLE , Ubuntu สร้างไฟล์ Strartup script เช่น /etc/init.d/lvm โดยมีรายละเอียดตามล่าง ;; restart|force-reload) ;; /sbin/vgchange -an stop) ;; /sbin/vgchange -ay /sbin/vgscan start) case "$1" in #!/bin/shesac exit 0 จากนั้นรันคำสั่ง ดังต่อไปนี้ # chmod 0755 /etc/init.d/lvm # update-rc.d lvm start 26 S . stop 82 1 . Redhat , CentOS แก้ไขไฟล์ /etc/rc.d/rc.sysinit โดยเพิ่มบรรทัดดังต่อไปนี้เข้าไป # LVM initialization, if [ -e /proc/lvm -a -x /sbin/vgchange -a -f /etc/lvmtab ]; then action $"Setting up Logical Volume Management:" /sbin/vgscan && /sbin/vgchange -a y fi
การ Migrate Email จาก Axigen มาที่ cPanel ไม่มี Tools ที่จะสามารถทำ Automation แต่เราสามารถใช้ความสามารถของ Linux ได้โดยใช้คำสั่ง imapsyc เตรียมข้อมูล Username Password ของอีเมล์ต้นทางกับอีเมล์ปลายทาง Allow Port 143 ทั้ง 2 Server (ทั้งขาเข้าและขาออก) Install imapsyc ที่ Server ปลายทาง (https://tecadmin.net/use-imapsync-on-centos/) วิธีการ สร้างอีเมล์ Account ที่เครื่องปลายทางที่ต้องการย้าย User มาให้ตรงกันต้นทาง ใช้คำสั่ง imapsyc ที่ Server ปลายทาง #imapsync --host1 {Hostname1} --user1 {Username1} --password1 {Password1} --host2 {Hostname2} --user2 {Username2} --password2 {Password2} Hostname1 คือเครื่องต้นทาง Hostname2 คือเครื่องปลายทาง