การจัดการ Email บน Microsoft 365 ผ่าน PowerShell จำเป็นต้องเชื่อมต่อโดยเฉพาะ ซึ่งโดยทั่วไปจะเอาไว้ตั้งค่า Email ต่างๆ ที่ไม่สามารถจัดการผ่าน Exchange Admin Center ได้ ยกตัวอย่างเช่น การเปลี่ยนชื่อ Email ที่มักจะเป็นช่องสีเทา ไม่ให้จัดการผ่าน GUI นั่นเอง วิธีการ 1. ผู้ดูแลระบบ จำเป็นจะต้องติดตั้ง PowerShell บนเครื่องก่อน สามารถดูวิธีการได้ที่ Link 2. พิมพ์คำสั่งต่อไปนี้ $UserCredential = Get-Credentialจากนั้นใส่ Username และ Password ที่เป็นฝั่ง Global Admin $Session - New-PSSession -ConfigurationName Microsoft.Exchange -ConnectionUri https://outlook.office356.com/powershell-liveid -Credential $UserCredential -Authentication Basic -AllowRedirection Connect-MsolService -Credential $UserCredential Import-PSSession $Session หากท่านสามารถทำตามขั้นตอน โดยไม่มี Error เกิดขึ้น แสดงว่าสามารถเชื่อมต่อกับระบบ Exchange Online ได้เรียบร้อยแล้วนั่นเอง
สำหรับระบบ Microsoft 365 มักมีคำถามจากผู้ใช้งานหลายๆ ท่านว่า หากมีใช้งาน Active Directory ที่เป็นของบริษัทตัวเองอยู่แล้ว เมื่อใช้งาน Microsoft 365 จะสามารถเชื่อมต่อเพื่อให้ใช้ Username และ Password เดียวกันได้หรือไม่ เพื่อจะช่วยให้ไม่ต้องจัดการผู้ใช้งานหลายที่นั่นเอง ดังนั้น ในคู่มือนี้ จะสาธิตวิธีการเชื่อมต่อ AD Connect จาก Microsoft 365 (Azure AD) กับ AD On-premise แบบ Express Setting โดยมีวิธี ดังนี้ครับ ก่อนอื่นตรวจสอบ System Requirement กันก่อน ว่าต้องมีอะไรบ้าง 1. การตั้งค่าส่วนนี้จะเป็นแบบ Express Setting ดังนั้นค่า Attribute ที่ระบบจะ Sync ไปยัง Azure AD บน Office365 คือค่า UPN (User Principal Name) ซึ่งแน่นอนว่า Domain ที่ใช้งานในค่าดังกล่าวต้องเป็น Domain เดียวกันกับที่มีบน Office365 ซึ่งหากไม่มี ลูกค้าสามารถใช้วิธีการเพิ่ม Domain Suffix เพื่อให้สามารถเปลี่ยนแปลง UPN เป็น Domain ที่ต้องการได้ อย่างเช่น แต่เดิมเป็น user@netway.local จะใช้งานเป็น user@netway.co.th เป็นต้น คู่มือสำหรับการเพิ่ม Domain Suffixhttps://docs.microsoft.com/en-us/office365/enterprise/prepare-a-non-routable-domain-for-directory-synchronization 2. Download IdFix เพื่อตรวจสอบว่ามีข้อมูลซ้ำซ้อนใดๆ บน AD On-premise หรือไม่ 3. Verify domain ที่จะเชื่อมต่อบน Microsoft 365 Admin สามารถดูวิธีการได้ที่ Linkสิ้นสุดขั้นตอนเพียงแค่ Verify domain เท่านั้น 4. ตัวติดตั้งโปรแกรม ต้องติดตั้งบน Windows Server 2008 ขึ้นไป4.1. ต้องติดตั้งบน Windows Server GUI เท่านั้น4.2. หากติดตั้งบน Windows Server 2008 หรือ 2008 R2 จำเป็นจะต้อง Update windows ให้ล่าสุด4.3. Azure AD Connect จะไม่สามารถติดตั้งได้บน Small Business Server หรือ Windows Server Essentials จะต้องเป็น Windows Server standard หรือสูงกว่า4.4. หากคุณต้องการใช้ Feature password synchroniztion คุณจำเป็นจะต้องติดตั้งบน Windows Server 2008 R2 SP1 หรือสูงกว่า 5. บนเครื่องที่จะติดตั้ง ต้องลงโปรแกรม .NET Framework 4.5.1 หรือสูงกว่า 6. บนเครื่องที่จะติดตั้ง ต้องลงโปรแกรม Microsoft PowerShell 3.0 หรือสูงกว่า 7. คุณต้องมี Account administrator ของทั้งฝั่ง AD On-premise และ Microsoft 365 8. Windows Server ที่จะติดตั้งต้องสามารถใช้งาน Internet ได้ 9. Spec hardware requirement สำหรับ Azure AD Connect จำนวน Object ใน Active Directory CPU Memory Hard drive size น้อยกว่า 10,000 1.6 GHz 4 GB 70 GB 10,000 - 50,000 1.6 GHz 4 GB 70 GB 50,000 - 100,000 1.6 GHz 16 GB 100 GB สำหรับ 100,000 object ต้องการ SQL server แบบ Full version 100,000 - 300,000 1.6 GHz 32 GB 300 GB 300,000 - 600,000 1.6 GHz 32 GB 450 GB มากกว่า 600,000 1.6 GHz 32 GB 500 GB เมื่อเตรียมความพร้อมของ Server เรียบร้อยแล้ว สามารถ Download Azure AD Connect ได้ที่ Link ขั้นตอนการติดตั้ง 1. เปิดโปรแกรม AzureADConnect.msi ที่ได้ Download ไว้ 2. ในหน้า Welcome Screen เลือกยอมรับ Licensing terms และเลือก Continue 3. ในหน้า Express settings เลือก Use express settings 4. ในหน้า Connect to Azure AD ให้ใส่ Username และ Password ที่มีสิทธิ์ Global Administrator ที่อยู่บน Microsoft 365 5. ในหน้า Connect to AD DS ให้ใส่ Username และ Password ที่มีสิทธิ์ Administrator ที่อยู่บน Active Directory On-premise 6. จะเข้าสู่หน้าต่าง Azure AD sign-in configuration เพื่อแสดงว่า Domain ใดบ้างจะถูกเชื่อมต่อ ตรวจสอบข้อมูลเรียบร้อยแล้ว กด Next 7. เมื่อเข้าสู่หน้า Ready to configure ตรวจทานข้อมูล หากถูกต้องกด Install เมื่อดำเนินการเสร็จสิ้น กด Exit หลังจากนั้น ระบบจะทำการเชื่อมต่อ ในขั้นตอนนี้ สามารถใช้ Username และ Password เข้าใช้งานผ่าน Microsoft 365 ได้เลย หากมีคำถามเพิ่มเติม สามารถส่ง Email เข้ามาได้ที่ support@netway.co.th อีกครั้ง
การใช้งานผ่าน Microsoft 365 นั้น เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าต้องมีสิทธิ์การใช้งาน (License) ก่อนจึงจะสามารถใช้งาน Service ต่างๆ ได้ แต่ทั้งนี้ ในบางครั้ง อาจจะเป็นการสร้างผู้ใช้งานใหม่ หรือแก้ไข License ให้กับผู้ใช้งานที่มีอยู่เช่นกัน ซึ่งจะส่งผลต่อการใช้งานของผู้ใช้งานด้วยข้อควรทราบ1. การเพิ่ม License จะเป็นการมอบสิทธิ์การใช้งานต่างๆ ให้กับผู้ใช้งานนั้นๆ ซึ่งเป็นไปตาม License ที่ทำการมอบหมายให้เท่านั้น2. ผู้ใช้งาน 1 ราย สามารถมีสิทธิ์การใช้งาน (License) ได้มากกว่า 1 สิทธิ์3. การถอน License จะถือว่าเป็นการยกเลิกการใช้งานสำหรับ User นั้น (สถานะคล้ายกับ User โดนลบ) ดังนั้นข้อมูลจะถูกเข้าสู่สถานะการลบ โดยปกติข้อมูลจะถูกลบหลังจาก 30 วัน หลังจากที่ทำการถอน Licenseวิธีการ 1. ให้ผู้ดูแลระบบ เข้าสู่ระบบไปยัง Microsoft 365 admin center 2. ไปที่แถบเมนู Users > Active users 3. คลิกเลือกผู้ใช้งานที่ต้องการจะ Assign license หรือแก้ไข License จากนั้นไปที่ Licenses and apps สามารถเลือก License ที่ต้องการ Assign และเลือก Save changes ได้เลย 4. ในกรณีที่ต้องการแก้ไข Service เกี่ยวกับ License เช่น ต้องการ Assign license Microsoft 365 Business Premium แต่ไม่ต้องการให้ใช้งาน Microsoft Planner ในหน้า Licenses and apps ให้เลื่อนลงมาด้านล่าง จะพบกับเมนู Apps ให้แก้ไขได้ ทำการเลือก Microsoft Planner ออก และกด Save changes 5. หากต้องการลบ Product license ก็เพียงเลือกสัญลักษณ์ถูกออก กด Save เพียงเท่านั้น หากมีคำถามเพิ่มเติม สามารถสอบถามมาได้ที่ support@netway.co.th หรือโทร 02-055-1095รายละเอียดเพิ่มเติมhttps://learn.microsoft.com/en-us/microsoft-365/admin/manage/assign-licenses-to-users?view=o365-worldwide
การย้าย Email จาก Exchange Server ไปยัง Office 365 นั้นมีหลากหลายวิธี ซึ่งกรณีของ Cutover เป็นอีก 1 ในหลายวิธีที่สามารถย้าย Email , Contact , Calendar ของ Mailbox ไปยัง Office 365 ได้อย่างครบถ้วน โดยการย้ายแบบ Cutover นั้นจะเป็นวิธีการย้ายแบบคราวเดียว ทีเดียว มี Mailbox เท่าไหร่ จะย้ายไปทีเดียว โดยข้อที่ต้องทราบ คือดังนี้ Exchange on-premise ของคุณที่จะทำการย้ายได้คือ Microsoft Exchange Server 2003 , Microsoft Exchange Server 2007 , Microsoft Exchange Server 2010 , Microsoft Exchange Server 2013 และ Microsoft Exchange Server 2016 บน Microsoft Exchange Server ขององค์กรคุณจะต้องมีน้อยกว่า 2000 Mailboxes Note ถึงแม้ว่าระบบจะรองรับได้สูงสุดคือ 2000 Mailboxes แต่การย้ายแต่ละครั้งจะย้ายเพียงคราวละ 150 Mailboxes เท่านั้น สิ่งที่ควรพิจารณา คุณสามารถย้าย Email บนองค์กรของคุณภายในเวลาไม่กี่วัน และสามารถย้ายการจัดการไปที่ Office 365 ได้ทันที การย้าย Mailbox สูงสุดอยู่ที่ 2000 Mailboxes ก็จริง แต่คำแนะนำที่ดีที่สุดคือไม่เกิน 150 Mailboxes ชื่อโดเมนหลักที่ใช้ใน Exchange Server on-premise ต้องเป็น Domain ที่ชื่อเดียวกันกับที่จะใช้งานบน Office 365 หลังจากการ Migrate email เสร็จสิ้นแล้ว Mailbox ของฝั่ง Exchange on-premise จะถูกโยกไปที่ฝั่ง Office 365 ในฐานะผู้ใช้งานใหม่ แต่สุดท้าย การจะใช้งานได้นั้น จำเป็นต้อง Assign license ก่อนอยู่ดี จึงจะใช้งานได้ ผลกระทบที่จะเกิดขึ้น หากใช้งานผ่าน Outlook client desktop ผู้ดูแลระบบต้องตรวจสอบให้มั่นใจก่อนว่า ได้อัพเดทหรือตั้งค่าโปรแกรมให้รองรับสำหรับ Office 365 แล้วหรือไม่ หาก Migrate เสร็จเรียบร้อยแล้ว Email ที่เข้าหลังจากนั้นยังคงเข้าที่เดิม (Exchange Server on-premise) จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง MX record มายัง Office 365 สิ่งที่ต้องเตรียม ตั้งค่า Outlook Anywhere บน Exchange Server on-premise ซึ่งโดยปกติแล้วจะถูกตั้งค่ามาบน Exchange 2013 และ 2016 อยู่แล้ว แต่ถ้าสำหรับ Exchange version อื่นๆ สามารถดูวิธีการตามด้านล่างนี้Exchange 2010: Enable Outlook AnywhereExchange 2007: How to Enable Outlook AnywhereHow to configure Outlook Anywhere with Exchange 2003 คุณต้องมี SSL certificate ที่ถูกรับรองโดย Certificate authority (CA) โดยจะนำ SSL certificate ดังกล่าวไปใช้งานกับ Outlook Anywhere หากยังไม่มีสามารถดูเพิ่มเติมได้ที่ LinkAdd an SSL certificate to Exchange 2013Add an SSL certificate to Exchange 2010Add an SSL certificate to Exchange 2007 แนะนำให้ทดสอบการเชื่อมต่อ Exchange ผ่าน Outlook Anywhere โดยสามารถทดสอบการเชื่อมต่อผ่าน Microsoft Exchange Remote Connectivity Analyzer ได้เลย ตั้งค่ากฏในการเข้าถึงเครื่อง Server หรือเรียกอีกชื่อว่า Migration Administrator ซึ่งโดยปกติจะใช้ Account ที่เป็นสิทธิ์สูงสุดในการดำเนินการ ดังกล่าว ปิด Unified Messageing (UM) ถ้าคุณเปิด UM อยู่บน Exchange on-premise แนะนำให้ปิดในขณะทำผ่าน Migration ปิดสิทธิ์ Delegate สำหรับ Security group เพราะระบบ Migration ไม่สามารถตรวจสอบค่าดังกล่าวได้ เพิ่มเติม การ Migrate ดังกล่าว จะย้ายข้อมูล Mailbox , mail users , mail contacts และ mail-enabled groups. เท่านั้น หากในส่วนอื่นๆ และสามารถลบได้ แนะนำให้ลบก่อนทำการย้ายดังกล่าว ขั้นตอนวิธีการ 1. เพิ่มและยืนยันตัวตน Domain ใน Office 365 สามารถดูคู่มือดังกล่าวได้ที่ Link หมายเหตุ สิ้นสุดขั้นตอนเพียงแค่การ Verify domain เท่านั้น ยังไม่ต้องแก้ไขค่า DNS ส่วนอื่น เช่น MX record 2. เชื่อมต่อ Office 365 ไปยังระบบ Email บน Exchange Server 2.1. เข้าสู่หน้า Exchange Admin Center บน Office 365 2.2. จากนั้นไปยังเมนู Recipients > Migration 2.3. เลือก More... > Migration endpoints 2.4. ในหน้า Migration endpoints เลือก New+ 2.5. ในหน้า Select the migration endpoint type เลือก Outlook Anywhere > Next. 2.6. ในหน้า Enter on-premises account credentials ใส่ข้อมูลให้ครบถ้วน - Email address ใส่ข้อมูล Email ของ User ใดก็ได้ที่อยู่บน Exchange on-premise - Account with privileges ระบุ Account ที่เป็นสิทธิ์ administrator บน Exchange on-premise - Password of account with privileges ระบุรหัสผ่านของ Administrator account 2.7. เมื่อคลิก Next จะได้รายละเอียดของ Exchange server on-premise เมื่อตรวจสอบข้อมูลถูกต้องแล้วกด Next 2.8. จะเข้าสู่หน้าการสร้าง New migration endpoint ให้ทำการ ระบุชื่อ Migration endpoint ดังกล่าวและข้อมูลต่างๆ ให้ครบถ้วน จากนั้นกด New 3. สร้าง Cutover migration batch 3.1. ให้เข้าสู่ Exchange Admin Center และไปที่ Recipients > Migration 3.2. เลือก New+ > Migrate to Exchange Online 3.3. ในหน้า Select a migration type ให้เลือก Cutover migration > next 3.4. จะเข้าสู่หน้า Confirm the migration endpoint ให้ตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวว่าถูกต้องหรือไม่ หากถูกต้องเลือก Next 3.5. ให้ตรวจสอบข้อมูล ระบุชื่อ Migration batch ดังกล่าว และกด Next 3.6. ในหน้า Start the batch สามารถเลือกได้ 2 ข้อคือ Automatically start the batch โดยจะเริ่มทำงานโดยอัตโนมัติ หรือเลือก Manually start the batch later คือการเริ่มทำงานด้วยตนเอง 3.7. จากนั้นกด New. เพื่อสร้าง Migration batch 4. เปลี่ยนค่า Email มายัง Office 365 เมื่อย้ายข้อมูลเสร็จสิ้นทั้งหมดแล้ว จะเข้าสู่ขั้นตอนการย้าย DNS record ส่วนของ Email คือ MX record มายัง Office 365 เพื่อใช้รับ Email จากภายนอกโดยสมบูรณ์ โดยสามารถทำตามขั้นตอนตาม Link ได้เลย https://support.netway.co.th/hc/th/articles/115001257551 5. ลบ Cutover migration batch ให้เข้าสู่ Exchange Admin Center และไปยังหัวข้อ Recipient > Migration จะพบว่ามี Migration batch ที่ได้สร้างไว้ในการ Migrate ให้เลือก Migration batch ดังกล่าวที่ต้องการลบ และเลือก Delete 6. ให้สิทธิ์ License ในการใช้งานกับ User การที่จะใช้งานได้นั้น จำเป็นจะต้องมีสิทธิ์การใช้งานหรือ License นั่นเอง ซึ่งแน่นอนว่าการ Migrate mailbox มานั้น User ทั้งหมดยังไม่มีสิทธิ์ในการเข้าถึง จึงต้องการทำ Assign license ให้เรียบร้อยก่อนจึงจะสามารถเข้าใช้งานได้ สามารถดูวิธีการได้ตามคู่มือ Link หากมีคำถามเพิ่มเติม สามารถสอบถามมาได้ที่ support@netway.co.th หรือโทร 02-055-1095 ครับ
Microsoft 365 audit log search เป็นเมนูที่ใช้สำหรับค้นหาการใช้งานต่างๆ บน Office 365 เช่นการเปลี่ยนแปลงรหัสผ่าน การลบเอกสาร หรือการจัดการต่างๆ อื่นๆ อีกมากมายที่เกี่ยวข้องกับระบบ ซึ่งถือว่าเป็นส่วนที่สำคัญอีกจุดหนึ่งสำหรับผู้ดูแลระบบโดยระบบดังกล่าว จะไม่ได้เปิดอัตโนมัติ หากต้องการใช้งาน ผู้ดูแลระบบจะต้องเข้ามาเปิดการใช้งานด้วยตัวเองเท่านั้น ก่อนเริ่มใช้งาน ผู้ดูแลระบบที่จะสามารถเปิดใช้งานส่วนนี้ได้ จำเป็นจะต้องเป็น Admin ที่มีสิทธิ์ในการจัดการ โดยต้องเปิด 2 สิทธิ์จัดการคือ 1. Compliance Management 2. Organization Management กฏดังกล่าว สามารถเข้าไปจัดการที่ Admin center > Roles > Role assignments > Exchange **ในกรณีที่เป็น Global Administrator แล้ว จะอยู่ใน Role Organization Management อยู่แล้ว จึงไม่ต้องดำเนินการใดๆเพิ่มเติม วิธีเปิด Audit log search 1. ให้เข้าสู่หน้า Admin Center >> Compliance หรือคลิ๊กที่ link https://compliance.microsoft.com/2. ในส่วนของ Solutions เลือก Audit3. คลิก Start recording user and admin activity ระบบอาจจะใช้ระยะเวลาในการดำเนินการไม่เกิน 60 นาที จึงจะใช้งานได้ วิธีการเปิด Audit log search ผ่าน Powershell 1. เชื่อมต่อ Exchange Online Powershell 2. รันคำสั่งต่อไปนี้ เพื่อเปิด Audit log search Set-AdminAuditLogConfig -UnifiedAuditLogIngestionEnabled $true 3. จะมีข้อความแจ้งว่า อาจใช้ระยะเวลานานถึง 60 นาทีจึงจะมีผล