เรียนรู้จากการทำงานที่บ้านสู่การทำงานที่ไหนก็ได้ กลับมาครั้งนี้ไมโครซอฟท์มีอะไรมาช่วยตอบโจทย์ที่ดีกว่าเดิม หลังจากการระบาดระลอกใหม่ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กระจายไปแล้วเกือบทั่วประเทศไทย คนทำงานก็กลับมาสู่หนทางของการทำงานแบบ Work From Home อีกครั้ง ถึงแม้สิ่งเหล่านี้จะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนต้องปรับตัว พัฒนาความรู้ และสรรหาเครื่องมือใหม่ๆ มาช่วยให้เราทำงานได้เก่งขึ้นกว่าเดิม ต้องทำงานสะดวก รวดเร็ว ยืดหยุ่น และทำงานไปพร้อมกับทีมอย่างมีประสิทธิภาพเพราะทักษะเหล่านี้ พวกเราคงต้องอยู่และพัฒนาเพื่อใช้กันต่อไปในอนาคตจนเราเองอาจลืมวิธีการทำงานเดิมๆ ไปเลย ซึ่งจากบทเรียนครั้งที่แล้ว ไมโครซอฟท์เป็นอีกหนึ่งองค์กรที่ได้เรียนรู้ไปพร้อมกับทุกคนบนโลกใบนี้ และด้วยความมุ่งมั่นที่ต้องการเป็นกำลังสำคัญของทุกคนเราจึงได้มีการอัปเดท และพัฒนาโซลูชัน เพื่อช่วยให้ทุกคนก้าวต่อไปได้ในยุคที่เราเรียนรู้ว่าความไม่แน่นอนคือธรรมชาติของชีวิต สิ่งสำคัญที่ต้องเน้นย้ำตั้งแต่ตอนนี้ คือ เราต้องพร้อมตั้งแต่เครื่องมือการทำงานร่วมกัน อุปกรณ์และการติดต่อสื่อสารที่ทำได้เสมือนทำงานที่ออฟฟิศ ต้องเข้าถึงข้อมูล ไฟล์ และแอปพลิเคชันได้ไม่ต่างจากยกคอมพิวเตอร์ของออฟฟิศมาใช้ที่บ้าน และแน่นอนว่าต้องใช้งานได้อย่างปลอดภัยไร้กังวลระดับมืออาชีพ ถูกต้องตามกฎระเบียบ พร้อมปรับเปลี่ยนได้ตามโจทย์ ตามกระแส และฟังก์ชั่นการใช้งานของแต่ละบุคคลMicrosoft Teams มากกว่าการทำงานด้วยกัน แต่เพื่อการทำงานร่วมกัน ในยุคต่อจากนี้ที่แค่แชทหรือวิดิโอคอลเรียกได้ว่าธรรมดาเกินไปสิ่งแรกที่ไมโครซอฟท์ขอนำเสนอ แน่นอนว่านั่นก็คือศูนย์รวมของการทำงานระดับพรีเมี่ยม อย่าง Microsoft Teams ที่มีอะไรใหม่ๆ มาช่วย ซึ่งล้ำหน้าขึ้นทุกวัน โดยการนำ AI มาตอบโจทย์ความต้องการการใช้งานหลายมิติการทำงาน ทุกวันนี้หลายคนคงเริ่มชินกับการประชุมออนไลน์กันแล้ว แต่เชื่อว่าแต่ละคนก็มีเทคนิคการใช้งานของตัวเองให้เร็วให้ไวคล่องตัวตอบโจทย์การทำงานแบบมือโปร เพราะบางครั้งเราก็ไม่ได้ประชุมกันด้วยสมาชิกแค่หลักสิบ แต่คุณภาพระดับ Teams เปิดให้เราประชุมได้ถึง 1,000 คน หรือเข้าร่วมแบบแบบดูได้อย่างเดียวด้วยการบรอดคาสท์เพื่อเผยแพร่ข่าวสารสำคัญ โดยสามารถเปิดให้เข้าชมได้สูงสุดถึง 20,000 คนกันเลยทีเดียว โดยมีทั้งโหมด Dynamic view, วิดีโอฟิลเตอร์ และ Live Reaction พร้อมหลากหลายฟีเจอร์และลูกเล่นต่างๆ ที่ยกขบวนมาอำนวยความสะดวกให้กับทุกคนได้ประชุมงานอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น พลิกโฉมการประชุมงานอันมากมายให้กลายเป็น Happy Meeting ได้ไม่ยาก กลับมาครั้งนี้ Teams มีอะไรใหม่อะไรดี ไปดูกันเลย 1. Virtual Breakout Rooms สร้างห้องประชุมย่อยในห้องประชุมใหญ่ เอาไว้ให้คุยกันเองเป็นกลุ่มเล็ก เหมาะกับการระดมสมอง ในการประชุมใหญ่ สามารถสร้างกลุ่มย่อย และแน่นอนว่าหลังจบการประชุมย่อยก็สามารถกลับมาสู่ห้องประชุมหลักได้ในทันที เพื่อให้การสรุปและตกลงกันได้อย่างรวดเร็ว 2. Raise Your Hand ยกมือส่งสัญญาณ เมื่ออยากแสดงความคิดเห็น กดปุ่มยกมือแบบดิจิทัลเพื่อขอพูด สอบถาม หรือแสดงความคิดเห็นระหว่างการประชุมง่ายๆ ได้โดยไม่ต้องขัดจังหวะการสนทนาในที่ประชุม 3. Live Reactions ส่งผ่านความรู้สึกดีๆ ให้เพื่อนได้ทันใจ แม้จะเป็นการประชุมงานออนไลน์ ก็สามารถแสดงออกภาษากายเสมือนนั่งเห็นหน้ากันได้ เช่น การส่งยิ้ม ปรบมือ หัวเราะ ผ่านอีโมจิที่ช่วยแสดงความรู้สึก ให้กำลังใจเพื่อนในระหว่างการประชุมได้ แถมเพื่อนๆ ยังรับรู้ว่าเรายังมีส่วนร่วมตั้งใจฟังอยู่นะ เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่พัฒนามาให้ไม่ขัดจังหวะการประชุมเหมือนกัน 4. Together Mode และ Large Gallery Viewคลายเครียด สร้างบรรยากาศการประชุม อยากเห็นหน้ากันแบบไหน ปรับได้ตามใจชอบ ด้วยการปรับรูปแบบการมองเห็นผู้เข้าร่วมประชุมแบบที่ต้องการ อยากให้ผู้ใช้งานจากหลายที่ปรากฏตัวบนจอภาพที่มีพื้นหลังเดียวกัน เช่น ห้องทำงาน ห้องประชุม หรือร้านกาแฟ ให้ความรู้สึกเหมือนกับอยู่ที่เดียวกันจริงๆ ก็ทำได้ผ่านฟีเจอร์ Together Mode หรือโชว์ผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมดบนหน้าจอเดียว ด้วยฟีเจอร์ Large Gallery view ซึ่งแสดงผลได้สูงสุดถึง 49 คน 5. Custom Layoutนำเสนองานสุดปัง รูปแบบอลังได้อย่างมืออาชีพ ผู้นำเสนองานสามารถเลือกรูปแบบที่อยากจะพรีเซนต์งานได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการพรีเซนต์ภาพข้างหลังใหญ่ๆ หรือให้เห็นภาพรวมมุมกว้าง เลือกได้ตามใจชอบ พรีเซนต์งานได้สุดปังดั่งมืออาชีพมายืนขายงานให้ดูจริงๆ 6. Live captions และ Transcripts ประชุมภาษาอังกฤษ แบบมี subtitle อุ่นใจ เข้าใจ หรืออัดกลับมาไว้ดูได้อย่างสบายใจ โดย Live captions จะเป็นตัวช่วยสำหรับการถอดเสียงเป็นตัวอักษรอัตโนมัติแบบเรียลไทม์ในระหว่างที่ผู้พูดกำลังพูดอยู่ และบอกได้ด้วยว่าใครกำลังพูด ขณะที่ Live Transcripts นั้นจะรวมข้อความที่ถอดมาอยู่ในแท็บเดียวในหน้าแชท บันทึกไว้ได้ และสามารถส่งออกมาเป็นไฟล์ใช้งานทีหลังได้ด้วย 7. Voice call เบอร์ออฟฟิศติดไปกับตัว ใครโทรมาก็รับสายได้ทุกดีไวซ์ โทรหากันได้ทุกที่ทุกเวลาด้วยเบอร์โต๊ะเดิมเบอร์เดียวนั่นแหละ โชว์ทั้งรายชื่อผู้ติดต่อ ประวัติการโทร และวอยซ์เมลไว้ด้วยกันในที่เดียว แถมยังตั้งโอนสายไปยังหมายเลขหรือสมาชิกของทีมอื่น หรือหมายเลขอื่นได้หากเราไม่ว่างรับสาย สะดวก รวดเร็วแบบคูณสองเหมือนมีโทรศัพท์ออฟฟิศติดตัวไปด้วยตลอดเวลาโทรหรือรับสายที่ไหนก็ได้8. Mobile Companion mode ย้ายร่างจากในคอมฯ มาประชุมต่อบนสมาร์ทโฟนได้แบบเนียนๆ ช่วยได้ดีสุดๆ ในสถานการณ์ที่ประชุมยังไม่ทันเสร็จ แต่ต้องวิ่งงานต่อ หรือออกไปทำธุระข้างนอกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็สามารถสลับร่างไปยังดีไวซ์อื่นได้ตามที่ผู้ใช้งานสะดวก แถมโหมดนี้ยังสามารถประชุมผ่านสองดีไวซ์พร้อมกันเลยก็ได้ไม่ว่าจะเป็นโน้ตบุ๊ค แท็บเล็ต หรือสมาร์ทโฟนใช้งานง่ายๆ ได้ในเวลาเดียวกัน 9. Whiteboard วาด ร่าง และเขียนไอเดีย ให้ทุกคนในทีมเข้าใจเมื่อเสียงหรือคำพูดไม่สามารถอธิบายได้ดี ต้องพึ่งพากระดานเพื่อเขียนสร้างความเข้าใจให้มากขึ้น ใช้ได้ทั้งการแปะโน้ต แสดงแผนภาพผ่านการระดมความคิดร่วมกันในกระดานแผ่นเดียว ไม่ว่าจะวาดด้วยมือ หรือสร้างเป็นกราฟหลายรูปแบบ ไปจนถึงการแปะ sticky notes ทำได้ครอบคลุมทุกรูปแบบที่จะช่วยให้การทำงานแบบออนไลน์ได้คุณภาพเหมือนนั่งประชุมแล้วเขียนกระดานอยู่ในห้องเดียวกัน 10. Noise Suppression ตัดเสียงรบกวนระหว่างการประชุม เพื่อช่วยให้เสียงสนทนาชัดเจนมากขึ้น ไมโครซอฟท์ได้นำ AI เข้ามาช่วยเรียนรู้ความแตกต่างระหว่างเสียงพูดและเสียงรบกวนที่ไม่จำเป็น และสามารถช่วยตัดเสียงรบกวนออกไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น เสียงเพลง การพิมพ์แป้นพิมพ์ แม้กระทั้งเสียงเด็กๆ ที่บ้าน หรือเสียงสัตว์เลี้ยงก็ย่อมได้ ทั้งนี้ฟีเจอร์การตัดเสียงรบกวนโดย AI จะใช้ได้เมื่อคุณมีแพคเกจ Advance Communications Licenseแค่นี้ยังไม่พอ สำหรับคนที่คิดว่าอยากจะยกของทุกอย่างที่ใช้ได้ในคอมที่ออฟฟิศกลับมาทำที่บ้าน จะทำยังไง ไมโครซอฟท์ยังมีอีกโซลูชันที่ตอบโจทย์ Work From Home โจทย์นี้ได้ และมั่นคงปลอดภัยยิ่งกว่า ผ่าน Desktop บนคลาวด์ ที่เรียกว่า “Windows Virtual Desktop”มาทำความรู้จัก Windows Virtual Desktop หรือ เดสก์ท็อปเสมือนจริง ตอบรับนโยบาย Work From Home ที่เปลี่ยนทุกดีไวซ์ในบ้านให้เหมือนใช้งานในออฟฟิศได้อย่างแท้จริงWindows Virtual Desktop จากไมโครซอฟท์เป็นบริการที่เหมือนยกทุกอย่างในคอมพิวเตอร์ของคุณที่ออฟฟิศย้ายมาทำที่บ้านกันโดยดึงทุกอย่างมาทำงานได้เหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชัน ข้อมูล และไฟล์งานต่าง ๆ จะถูกนำไปรันไว้บนคลาวด์อัจฉริยะ Microsoft Azure ช่วยให้พนักงานสามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญภายในองค์กรได้จากที่บ้าน เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ต และล็อกอินผ่านเบราว์เซอร์เท่านั้น แค่นี้ก็ไม่จำเป็นต้องเอาแล็ปท็อปขององค์กรกลับบ้านแล้ว ทั้งหมดนี้ เราสามารถกำหนดการเข้าถึงไฟล์ของผู้ใช้แต่ละคน ซึ่งช่วยลดโอกาสข้อมูลรั่วไหลออกนอกองค์กรได้อีกด้วย อธิบายง่ายๆ ว่า Windows Virtual Desktop นั้นจะแสดงหน้าจอเหมือนพีซีเครื่องหลักทุกประการ สามารถทำงานผ่านหน้าจอเสมือนได้ผ่านทั้งแอปฯ และไฟล์งานต่างๆโดยไม่ต้องกังวลว่างานจะหยุดชะงัก หรือเสียเวลาเรียนรู้การใช้เครื่องมือใหม่ ๆ ที่สำคัญยังเพิ่มขอบเขตในการเข้าถึงแอปฯ ที่ปกติแล้วบางองค์กรกำหนดให้ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลในแอปฯ จากภายนอกได้ ควบคู่ไปกับการมอบประสบการณ์ที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นให้กับผู้ใช้บน Microsoft Azure ที่มีความยืดหยุ่นสูง และมาพร้อมระบบความปลอดภัยระดับโลก ทั้งยังช่วยควบคุมต้นทุนของแต่ละองค์กร ทั้งยังประหยัดค่าบำรุงรักษาได้อีกด้วยนอกจากนี้ยังหมดข้อกังวลเรื่องข้อมูลทางธุรกิจรั่วไหล ป้องกันการโจรกรรมทางข้อมูลขั้นสูง บนคลาวด์ระดับโลกกับระบบความปลอดภัยแบบ built-in จาก Microsoft Azure ที่ตรวจจับและยับยั้งการโจมตีโดยการใช้ AI มาเสริมความแม่นยำ ด้วยการป้องกันที่โครงสร้างพื้นฐานแบบครบวงจรเป็นหลัก ถูกต้องตามระเบียบข้อบังคับด้านสารสนเทศทั้งความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว เรียกได้ว่าสามารถเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดเพื่อตอบรับนโยบายWork From Home ที่เปลี่ยนทุกดีไวซ์ในบ้านให้เหมือนใช้งานในออฟฟิศได้อย่างแท้จริง
4 เคล็ดลับสำคัญในการจัดอีเวนท์แบบออนไลน์ให้โดดเด่นไม่เหมือนใคร ✅ กำหนดขอบเขตงานให้ชัดเจน เช่น วิทยากร และเวลาจัดงาน✅ สร้างส่วนร่วมกับผู้เข้าร่วมด้วยกิจกรรมถาม-ตอบ (Q&A) ✅ การเตรียมพร้อมสำหรับปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ✅ ติดตามผลตอบรับหลังจบงาน คุณสามารถทำทั้งหมดนี้ได้ด้วย #MicrosoftTeams ดูวิดีโอ >
Hybrid Work ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะ Covid-19 แต่ Covid-19 เป็นตัวกระตุ้นให้คอนเซ็ปต์การทำงานแบบนี้เกิดขึ้น บางคนเรียกว่า Digital Disruption บางคนมองว่าเป็น Digital Transformation และเมื่อโรคระบาดนี้หายไป เราก็เชื่อว่า Hybrid Work จะยังคงอยู่เพราะเป็นรูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่น และตอบสนองไลฟ์สไตล์ของสังคมการทำงานยุคใหม่ ที่มีทั้ง Baby Boomer เกษียณที่ไม่อยากเกษียณ อาจจะกลับเข้ามาร่วมทำงานในรูปแบบที่ปรึกษา, Gen X ผู้นำองค์กรไฟแรงที่ไม่อยากเอ้าท์ สามารถปล่อยพลัง แชร์ไอเดียได้ทุกเมื่อ, Gen Y (Millennial) ที่ส่วนใหญ่ร้องขอการทำงานจากบ้าน ความยืดหยุ่นในการทำงาน และฟรีแลนซ์คุณภาพส่วนใหญ่ก็อยู่ในวัยนี้, รวมถึง Gen Z ที่กำลังเพิ่มจำนวนเข้ามาในตลาดงานมากขึ้นเรื่อยๆ วันนเราได้รับเกียรติจากทางคุณ วรรณทิพา วงษ์สมุทร. ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์ Modern Work Business & Security และคุณ นพชัย ตั้งไตรธรรม Regional Technology Specialist บริษัท ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย จำกัด นำเสนอแนวทางที่จะใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี Microsoft 365 มาเสริมสร้างให้องค์กรปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Identity Protection, Digital Identity, พร้อมกับมี Demo และ Hands-On ที่เปิดโอกาสให้คุณถามตอบในตอนท้ายด้วย Webinar ของไมโครซอฟท์ของเดิมมีความยาวเกือบ 2 ชั่วโมง เราจึงขออนุญาตแบ่งเป็น 2 Part เพื่อความสะดวกในการรับชม สร้างความปลอดภัยทางดิจิทัล กับ 12 ขั้นตอนเพื่อรองรับการทำงานแบบ Hybrid Work - Part 1/2VDO > สร้างความปลอดภัยทางดิจิทัล กับ 12 ขั้นตอนเพื่อรองรับการทำงานแบบ Hybrid Work - Part 2/2VDO >
เริ่มต้นใช้งาน Azure(CSP) กับเน็ตเวย์1. ทำการเข้าสู่ระบบ Azure ที่ https://portal.azure.com/ โดยใช้ User Password ที่ทางเน็ตเวย์จัดส่งให้ กรณีลูกค้ามี Account Microsoft 365 อยู่แล้ว สามารถใช้ Account ที่มีอยู่ทำการเข้าสู่ระบบได้เลย แต่ต้องแจ้งมาทางเน็ตเวย์เพื่อให้สิทธิ์ Account นั้นๆในการเข้าถึง Subscription2. ทำการสร้าง Resource groups ที่ https://portal.azure.com/#create/Microsoft.ResourceGroupSubscription ให้ทำการเลือก Azure From Netway หรืออาจจะเป็นชื่ออื่นตามที่เน็ตเวย์แจ้งไว้ทางเมล์Resource Group ให้ทำการระบุชื่อตามต้องการRegion ให้ทำการระบุ Zone ของการใช้งาน Azure ตามที่ต้องการ (ค่าใช้จ่ายของแต่ละ Zone จะไม่เท่ากัน)3. เริ่มทำการสร้าง Resources โดยไปที่หน้า Dashboard แล้วกด Create a resource4. ทำการสร้าง Resource ต่างๆตามต้องการ ขณะทำการสร้าง Resource เมื่อถึงขั้นตอนให้เลือก Subscription ให้ทำการเลือก Subscription และ Resource Group ให้ถูกต้องตามที่สร้างไว้ในข้างต้นGet started with Azure ---------------------------------------------------------------------- หากคุณต้องการสอบถามเกี่ยวกับ Netway.site เรามีเจ้าหน้าที่พร้อมดูแลคุณ 24 ชม. Line : @netway (มี @ ด้านหน้า) หรือ https://bit.ly/line-netwayFacebook : m.me/netway.offcialTel : 02-055-10953Email : support@netway.co.thWeb Chat : [[URL]]/ #ให้เราช่วยคุณเรื่องไอที #มีครบจบที่เดียว #Netway.site
Power BI คือโปรแกรมและบริการคลาวด์ที่ใช้ในการวิเคราะห์ผลทางธุรกิจและนำเสนออกมาในรูปแบบ Interactive ทั้งแบบตาราง กราฟ ชาร์ท แผนที่ และรูปร่างต่างๆ โดยสามารถแชร์รายงานให้พนักงานในองค์กรและบุคคลในสาธารณะ ตลอดจน embed ไว้บนเว็บสาธารณะหรือแอพื่นๆ ก็ได้ ที่สำคัญ Power BI สามารถเรียกข้อมูลจากหลายแหล่งได้เพียงแค่คุณสามารถ export ข้อมูลจากแหล่งนั้นมาเป็นฐานข้อมูลหรือตารางได้ คุณก็สามารถให้ Power BI นำเสนอรายงานออกมาได้ ซึ่งถือว่าสะดวกกว่าการใช้ Pivot บน Excel หรือตัดแปะบน PowerPoint แบบเดิมๆ ดาวน์โหลด Power BI Desktop ไปใช้ได้ฟรี > คุณสามารถใช้ Power BI ได้ฟรี เพียงดาวน์โหลดจากเว็บ เพียงแค่ตัวฟรีนั้นจะไม่สามารถแชร์รายงานได้เท่านั้นเอง ไม่จำเป็นว่าต้องมี Microsoft 365 Account ก็สามารถใช้งานได้ฟรีตลอดชีพครับ ลงทะเบียนดาวน์โหลด Free Trial > ______________________________________________________________________________________________ Netway Communication ให้บริการด้าน Power BI พื้นฐานสำหรับธุรกิจ เป็นตัวแทนแบรนด์ไอทีชั้นนำมากมาย Office 365, Google Workspace, Zendesk, SSL ฯลฯ เรามีเจ้าหน้าที่พร้อมดูแลคุณ 24 ชม. ติดต่อเราเพื่อสอบถามผลิตภัณฑ์ ขอราคา หรือปรึกษาเรื่องไอที ได้เลยค่ะ Line : @netway (มี @ ด้านหน้า) หรือ https://bit.ly/line-netway Facebook : m.me/netway.offcial Tel : 02-055-1095 Email : support@netway.co.th Web Chat : [[URL]]/ #ให้เราช่วยคุณเรื่องไอที #การสื่อสาร Netway #มีครบจบที่เดียว #Netway Communication #NetwayTraining #NetwayConnect #PowerBI